วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

จำแนกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเด็กอย่างไร

เมื่อถึงจุดขายที่มีผลิตภัณฑ์มากมายที่เราอยากจะซื้อให้ลูกเราวางอยู่ตรงหน้าเคยมีใครตั้งคำถามไหมคะว่าจะซื้ออันไหนดี? อันนี้ทำไมถึงแพงจัง? แบบนี้กะแบบนี้มันต่างกันตรงไหนอ่ะ?แบบนี้ดีที่สุดหรือยัง?

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเด็กในปัจจุบันมีมากมายหลากหลายยี่ห้อนะคะ แต่สามารถจำแนกประเภทได้ง่ายๆดังนี้

1. ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากสารเคมี (เกรดตามท้องตลาดทั่วไป)

ข้อสังเกตุ - ทำจากส่วนผสมทางเคมีทั้งหมดหรือสัดส่วนมากกว่า 95-100% ในขวดได้จากสารเคมีสังเคราะห์ล้วนๆ

- มีสารทำฟองตระกูลดังต่อไปนี้ สารตระกูลซัลเฟท (SLS (Sodium Lauryl Sulfate, Sodium Laurate Sulfate), SLES (Sodium Lauryl Ether Sulfate เป็นต้น) ) สารเหล่านี้มีรายงานการวิจัยออกมาจากหลายสถาบันว่าเป็นสารเคมีที่สามารถ สะสมในร่างกายเนื่องจากการใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ในผิวหนัง เป็นต้น

- มีส่วนประกอบที่เป็นสารกันเสีย ประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง ตระกูลพาราเบน (Paraben)

- มีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมี ประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงพาทาเลต (Phatalates)

- มีส่วนประสมที่เป็นของเสียจากน้ำมันดิบ เช่น mineral oil, Perolium, Parafin ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนเป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็งหากได้รับอย่างต่อเนื่อง

- ราคาถูกบ้างแพงบ้างไปตามประสา ตามแบรนด์และตามงบโฆษณาที่ทุ่มลงไปของแต่ละแบรนด์

** การใส่สารสกัดธรรมชาติเพียงเล็กน้อยไม่ทำให้ความเป็นสารเคมีลดลง

** สูตรปราศจากน้ำตา (No more tears) ไม่ได้หมายถึงมีสารเคมีน้อย

** บางแบรนด์ราคาถือว่าแพงเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์จริงๆที่คุณได้

2. ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากสารเคมี(เกรดสูงขึ้นมาแบบเคาน์เตอร์แบรนด์หรือเวชสำอางค์)

ข้อสังเกตุ - ทำจากส่วนผสมทางเคมีทั้งหมดหรือสัดส่วนมากมากกว่า 95-100% ในขวดได้จากสารเคมีสังเคราะห์

- ส่วนใหญ่มีสารทำฟองตระกูลดังต่อไปนี้ สารตระกูลซัลเฟท (SLS (Sodium Lauryl Sulfate, Sodium Laurate Sulfate), SLES (Sodium Lauryl Ether Sulfate เป็นต้น) ) สารเหล่านี้มีรายงานการวิจัยออกมาจากหลายสถาบันว่าเป็นสารเคมีที่สามารถ สะสมในร่างกายเนื่องจากการใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ในผิวหนัง เป็นต้น

- ส่วนใหญ่มีส่วนประกอบที่เป็นสารกันเสีย ประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง ตระกูลพาราเบน (Paraben)

- ส่วนใหญ่มีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมี ประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงพาทาเลต (Phatalates)

- ส่วนใหญ่มีส่วนประสมที่เป็นของเสียจากกลั่นน้ำมันดิบ เช่น mineral oil, Perolium, Parafin ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนเป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็งหากได้รับอย่างต่อเนื่อง

** ผลิตภัณฑ์ระดับนี้มีความรุนแรงของสารเคมีต่อผิวอยู่ในระดับที่น้อยกว่าแบบ ที่ 1 แต่ก็ยังคงเป็นสารเคมีที่สามารถสะสมในร่างกายและส่งผลต่อสุขภาพในอนาคต

3.ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากส่วนผสมหรือสารสกัดจากธรรมชาติ

ข้อ สังเกตุ - ทำจากส่วนประสมทางธรรมชาติ การสังเกตุว่ามีส่วนประสมจากธรรมชาติมากน้อยแค่ไหนทำได้ง่ายๆ โดยการดูส่วนประสมบนฉลากสินค้านั้นๆ โดยตามหลักสากลว่าด้วยเรื่องรายละเอียดบนฉลากได้บังคับไว้ว่า รายชื่อส่วนประสมจะถูกเรียงจากชื่อที่มีการใส่ลงไปปริมาณมากที่สุดไปสู่น้อย ที่สุด

- อาจมีหรือไม่มีสารทำฟองตระกูลดังต่อไปนี้ สารตระกูลซัลเฟท (SLS (Sodium Lauryl Sulfate, Sodium Laurate Sulfate), SLES (Sodium Lauryl Ether Sulfate เป็นต้น) ) สารเหล่านี้มีรายงานการวิจัยออกมาจากหลายสถาบันว่าเป็นสารเคมีที่สามารถ สะสมในร่างกายเนื่องจากการใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ในผิวหนัง เป็นต้น

- อาจมีหรือไม่มีส่วนประกอบที่เป็นสารกันเสีย ประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง ตระกูลพาราเบน (Paraben)

- อาจมีหรือไม่มีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมี ประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงพาทาเลต (Phatalates)

- อาจมีหรือไม่มีส่วนประสมที่เป็นของเสียจากกลั่นน้ำมันดิบ เช่น mineral oil, Perolium, Parafin ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนเป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็งหากได้รับอย่างต่อเนื่อง

ข้อแนะนำจากเจ้าของบล็อก

** การอ่านส่วนประสมต่างๆบนฉลากสินค้าดีๆจะทำให้สามารถเลือกสิ่งที่ดี คุ้มเงิน และปลอดภัยกับลูกน้อยของคุณได้ค่ะ บางครั้งจ่ายแพงกับแบรนด์ดังๆ ก็ใช่ว่าจะได้ของดีเสมอไป

** บ้างมีการแนะนำให้ใช้เวชสำอางค์กับเด็กทันทีหรือที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ หรือเด็กที่มีปัญหาผิวพรรณ เคยมีคุณหมอของเพื่อนแนะนำเพื่อนว่าเด็กที่มีผิวปกติดีหรือไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้ไม่ควรใช้ เพราะจะทำให้ผิวไม่แข็งแรง อ่อนแอ และไวต่อการแพ้ ดังนั้นควรหาข้อมูลก่อนเพราะเวชสำอางค์ยังไงก็คือสารเคมี ถ้าคุณแม่ที่ต้องการเลือกของดีดีให้ลูกจริงๆ เราแนะนำพวกผลิตภัณฑ์ธรรมชาติดีกว่านะคะ ไม่ทำให้เด็กไม่มีภูมิต้านทานและก็ไม่มีสารเคมีด้วย

** ส่วนตัวที่ใช้มาธรรมชาติดีที่สุดแล้วค่ะ โลกทุกวันนี้มีสารเคมีและมลภาวะปะปนกับทุกอย่าง อะไรเลือกใช้อะไรที่ใช้เป็นธรรมชาติได้แนะนำว่าควรใช้ค่ะ เพื่อสุขภาพคุณและครอบครัวคุณ ของอะไรซื้อหาใหม่ได้แต่สุขภาพหรือโรคร้ายมีเงินก็ซื้อคืนมาไม่ได้ค่ะ

** แนะนำเพิ่มเติมแป้งฝุ่นเด็กและ Baby oil จากปิโตเรียม ทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้เลยค่ะเพราะทั้ง 2 ตัวมีตัวอันตรายที่เรียกว่า แร่ใยหิน (tarc) และ petrolium ของเหลือจากการกลั่นน้ำมันดิบ ที่ค่อนข้างอันตรายและก็ให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพทั้งสิ้น

**แนะนำร้านสินค้าธรรมชาติที่เราซื้อของประจำ

- ของใช้เรา (บางตัว) และของใช้ลูกส่วนใหญ่ www.bambigarden.com ของมีให้เลือกเยอะจริงๆค่ะ โดยเฉพาะพวกดูแลผิวที่ได้จากธรรมชาติมากกว่า 90% มีทั้งแบบแพงๆหน่อยและแบบราคาไม่สูงเกินไป เราทดลองแบรนด์ของร้านแล้วทุกตัว ของเค้าดีทีเดียว เปอร์เซ็นต์ความเป็นธรรมชาติสูงและราคาไม่แพงมาก

-ของกิน ผัก ผลไม้ปลอดสารพิษ แนะนำ Golden place, Lemon farm หรือตลาดสีเขียวแถวบ้าน


วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

อัพเดทของใช้ใหม่ๆของยูกิที่ปลอดสารพิษ





ครึ้มอกครึ้มใจไปช้อปร้านในดวงใจมาได้ของดีๆมาเยอะเลย วันนี้เลยขอมาอวดและเล่าความประทับใจให้เพื่อนๆอ่านกัน



เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเราได้รับเมล์แจ้งจากบริษัทที่เราซื้อของใช้ของน้องยูกิเป็นประจำ ว่าเค้าเปิดร้านใหม่แล้วชื่อร้าน bambi garden เราซึ่งเป็นสมาชิกปัจจุบันอยู่จะได้สิทธิพิเศษเหนือใครคือช้อป 3 แต่จ่ายแค่ 2 โอ้แม่เจ้าใช่แล้วค่ะ ตาไม่ฝาด โอกาสงามๆมาถึงแล้วเพราะอุดหนุนเค้ามานานแต่ยอมรับว่าของเค้าดีแต่ราคาสูงไปนิดส์ เพื่อนๆหลายคนคงเคยเห็นของเค้ามาบ้าง ลองไปดูที่ http://www.growwithlove.com/ หรือ http://www.bambigarden.com/ คุณจะรู้ว่าของเค้าน่าใช้มากและใช้ดีด้วย เราเป็นแฟนคลับและใช้เกือบทุกตัว คุณภาพดี ปลอดสารพิษดี แต่แอบราคาสูง เลยต้องแอบสามีซื้อบ้าง ไปซื้อด้วยกันบ้าง (สามีจะได้ออกตังค์) แต่สามีก็ไม่ว่าอะไรนะเค้าชอบใช้ของดีกับสุขภาพอยู่แล้ว แต่ภรรยาก็แอบเกรงใจเลยซื้อเองบ้าง อะไรบ้าง ฮ๋าาา








อันนี้เป็นกระบอกน้ำแบบหลอดซิลิโคน นึ่งได้ทั้งใบของ Zoli ใช้มาตั้งแต่ขวดนม เครื่องดูดน้ำมูกอัตโนมัติ ที่ตัดเล็บอัตโนมัติ จนถึงล่าสุดอันนี้ ใช้ดีตรงที่ BPA free, น้องดูดง่ายหลอดจะมีตุ้มถึงก้นแก้วทำให้ดูดน้ำได้หมดแก้วโดยที่น้องไม่ต้องยกขึ้นทำหกเลอะเทอะ ใช้ดีค่ะ แต่มีข้อติอยู่ว่ามันถอดล้างแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่ได้เลยใช้แช่น้ำยาล้างขวดนมแล้วก็แปรงๆขัดตรงช่วงตุ้ม ช่วงฝาซอกต่างๆที่แปรงได้ แล้วเอามือบี้ๆ ขยี้ๆตรงช่วงหลอดซิลิโคนทั่วๆหน่อย เสร็จแล้วล้างน้ำเปล่าให้สะอาด เข้าเครื่องนึ่งป้าด เรียบร้อย สะอาดแระ

ปล.ใช้แล้วลูกชอบมาก จากที่ไม่ค่อยชอบดื่มน้ำ (ทานแต่นม) ก็ดูดเอาดูดเอาชอบดื่มน้ำไปโดยปริยาย ตอนนี้ใช้ใส่ทั้งน้ำ นม และน้ำผลไม้แบบไม่มีเนื้อหรือเกล็ด (ห้ามใส่แบบมีเกล็ดนะจ๊ะเด๋วจะตันลูกตุ้มจ้า)










อันนี้เป็นเบบี้ไวพ์แบบ Alcohal free ทำจากคอตต้อนออแกนิกส์ยี่ห้อ Cearly Herbal ซื้อไว้ใช้เช็ดหน้าหรือปากเท่านั้น เพราะลูกสาวจะคันเวลาใช้พวกผสมแอลกอฮอลล์ อันนี้ห่อละ 350 บาท มี 80 แผ่น ก็แพงกว่าทั่วไปที่เคยใช้หน่อย แต่ผสมสารสกัดจาก Tea tree และ Aloe vera ด้วยนะ

ลองแล้วเนื้อกระดาษหนากว่าทั่วไปมาก ใช้แล้วไม่ยุ่ย หอมกว่า น้องใช้แล้วไม่แพ้ แต่แนะนำว่าใช้กับบนหน้าก็พอ ไม่งั้นเปลือง

ปล.ก่อนหน้านี้ลูกสาวก็ไม่ค่อยได้ใช้กระดาษเปียกเช็ดก้นแล้ว เพราะใช้แล้วเป็นผื่นไม่แนะนำเลย มันเช็ดสิ่งสกปรกเวลาน้องฉี่หรืออึไม่ดีเท่าล้างก้นหรอก ล้างน้ำเปล่าเลย เราว่าสะอาด สดชื่นกว่า ก้นน้อยๆก็ไม่ทรมานจากผื่นด้วย




อันนี้เป็นชุดดูแลผิวเด็กใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดทำจากธรรมชาติและออแกนิกส์ล้วนๆ ราคาเบาๆกว่าของเดิมที่ใช้ เดิมใช้ grandma el's มาตลอดเพราะใช้แล้วชอบมาก ผิวน้องดีมากๆ อยู่ห้องแอร์ตลอดด้วยแต่ผิวไม่เคยแห้ง นอกจากเข้าหน้าหนาว ก็ต้องมีทาครีมสำหรับผิวแห้งบ้าง น้องตัวหอมมากๆ มีแต่คนทัก ของเค้าสระผมกับอาบน้ำจะแยกจากกันเลย เราชอบตรงนี้เพราะคิดเอาว่าถ้าเป็นตัวเองบ้างล่ะ ถ้าอ่อนขนาดสระผมได้แต่มาอาบน้ำด้วย มันไม่น่าจะสะอาดแต่ถ้าให้แรงเท่าอาบน้ำแล้วเอามาสระผม มันคงจะทำให้ผมแห้งน่าดู เลยคิดว่าแยกใช้เวิร์คกว่าเพราะคนละส่วนก็ต้องการการดูแลต่างกันนะเราว่า ล่าสุดซื้ออันนี้มาลองดูหลังจากทดลองแล้วโอเคเลย พลิกดูส่วนผสมแล้วชอบมากไม่มี SLS, SLES, Phtalates, Syntentic color and fragrances แถมธรรมชาติสูงมาก 95% ขึ้นเลย จัดมาซะ 1 ชุด ได้มา 3 ขวดแต่จ่ายไป 2 ขวด


อันนี้ใช้เป็นประจำพอดีใกล้หมดเลยจัดมา 1 ตลับ อันนี้ใช้ดีมากใช้ทาตอนยูกิโดนยุงกัด มดกัด แล้วก็ตอนหัวโน ทาแล้วไม่ระคายผิวไม่ทิ้งรอยดำ ดีจริง ดีจัง เผลอยูกิช่วยทาบ้าง เอาเข้าปากบ้าง ก็ยังวางใจเพราะมันธรรมชาติ 100% จากไขผึ้งธรรมชาติ



ส่วนอันนี้ของคุงแม่เองค่า ครบเซ็ตกันไป แชมพู ครีมนวด ตัวล้างหน้าไม่ใช่สบู่เค้าบอก โลชั่น

ลองแล้วทุกอัน ขอบอกว่าใช่เลย เพราะ

1. ธรรมชาติ 95-99 % + ส่วนประสมออแกนิกส์อีก


2. อ่อนโยนไม่ทำให้หนังเฮดแห้งกระด้าง ตอนนี้เป็นหนักมากๆ เพราะสระผมด้วยแชมพูยี่ห้อดัง (แต่เป็นเคมี)+ น้ำอุ่นเพราะอากาศหนาวทำให้หนังเฮดคันมากกกกกกกก แห้งมากกกกกกก ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้อันนี้ดีขึ้นเยอะผมไม่แห้ง มีน้ำหนักดี แต่กลิ่นหอมติดไม่ค่อยทนนะ เพราะมันเป็นน้ำหอมธรรมชาติ และสระแล้วจะรู้สึกนุ่มๆ หน่อยไม่ค่อยฮาร์ทคอร์ใครเพิ่งเปลี่ยนอาจยังไม่ชินต้องค่อยๆปรับ

3. ซื้อ 3 จ่าย 2 มา 2 ชุด โอ้คุ้มดี


อ้อ โปรนี้พิเศษเฉพาะสมาชิกก็จริงแต่รู้สึกช่วงวันที่ 16-28 กุมภาพันธ์ 2554 นี้เค้าจะมีโปรโมชั่นแรงๆ ประมาณนี้ให้กับสมาชิกใหม่ด้วยนะ ใครอยากเลี้ยงลูกปลอดสารพิษลงบ้าง (ลดปริมาณสารก่อมะเร็งที่จะเข้าสู่ร่างกายลงบ้าง)ก็แนะนำให้แวะไป เพราะเพิ่งแนะนำเพื่อนตัวเองไปมา

ปล.เห็นบอกว่าได้ซื้อพวกขวดนมของใช้ราคาพิเศษมากๆด้วยประมาณว่าใครยิ่งซื้อเยอะยิ่งถูกลงไปอีกจากส่วนลดปกติ เหมาะกับคุณแม่คนใหม่ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้ออะไรลงไปแวะไปดูหน่อยก็ดีนะจ๊ะ เพราะบางทีจ่ายเท่ากันแต่ได้ของดีกว่า ก็เยี่ยมเลยว่าไหม











































วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

Baby Cheklist for free: เบบี้เช็คลิสจ้า!

วันก่อนมีเพื่อนโทรมาปรึกษาคุณแม่เทิร์นโปรอย่างเราว่าอยากซื้อของใช้ลูกเตรียมไว้เพราะใกล้คลอดแล้ว (จริงๆจะลากไปช้อปด้วยอ่ะ ม่ายหวายจ้า) เลยนั่งรวบรวมช้อปปิ้งลิสให้จะได้ไม่ซื้อเกิน ซื้อขาด หรือซื้อพลาด! ชั้นเป็นหนูทดลองให้เทอ แล้วจ้ะ ประมาณนั้น ได้ใจความว่างี้เจ้าค่า

ลืมบอกว่าคุณแม่ท่านอื่นอาจให้รายการแตกต่างออกไปก็ลองเอาไปปรับใช้กันนะคะ ตอนเราเตรียมของใช้ลูกเราก็ซื้อตามแม่ๆในเว็บไซต์เหมือนกัน แต่พอได้ซื้อจรงๆรู้สึกว่าบางรายการมันไม่ใช่เลย ในลิสต์นี้จะเป็นแบบที่ปรับแล้วเพราะไม่วั้นจะมีของไม่ใช้เหมือนเรากองเต็มบ้านนะคะ

เริ่มกันเลยนะคะ

หมวดเสื้อผ้าและของที่เกี่ยวข้อง

1. เสื้อป้ายๆ แบบติดกระดุมเป๊าะแป๊ะหรือแบบผูกแขนสั้น 5-6 ชุด (ไว้ใส่ตอนกลางวันนอนเล่นหรือวันที่อากาศปกติ)

2.เสื้อป้ายๆแบบติดกระดุมเป๊าะแป๊ะหรือแบบผูกแขนยาว 5-6 ชุด (ไว้ใส่ตอนกลางคืนหรือวันที่อากาศเย็นหรืออยู่ในห้องแอร์)

3. ชุดหมีแบบคลุมขา (แบบนี้เราให้ลูกใส่ถึงอายุประมาณ 1 ขวบป้องกันการนอนเปิดพุงได้ดี และป้องการการเกิดอันตรายขาดอากาศหายใจจากการมุดผ้าห่ม) เราให้ลูกใส่นอนทุกคืนลูกแทบไม่เคยเป็นหวัดเลย ซื้อประมาณ 3 ชุดก่อนก็ได้ว่าชอบใช้หรือไม่

4.ชุดออกนอกบ้านไม่ต้องเตรียมเยอะค่ะ เพราะช่วง 6 เดือนแรกไม่แนะนำให้พาไปที่สาธารณะหรือห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นแหล่งรวมเชื้อโรค เด็กจะรับเอาเชื้อโรคอันตรายมาง่ายๆ อย่างพวกไวรัสน่ากลัวมากๆ จะออกจากบ้านก็ตอนฉีดวัคซีนทุกเดือนเท่านั้นเอง

ข้อคิดในการซื้อ : หากเลี้ยงลูกในห้องแอร์ควรซื้อเป็นพวกผ้ายืดคอตต้อน 100% ไม่ผสมพวกพลาสติก(โพลีเอสเตอร์) ถ้าในอากาศนอกบ้านหรือบริเวณบ้านที่ไม่ใช่ห้องแอร์ใช้เป็นพวกผ้าป่านหรือคอตต้อนไม่ยืดได้ค่ะ ซื้อไว้ซัก 3-4ชุดก็ได้


4. ชุดถุงมือ+ถุงเท้า ซื้อ 3-5 คู่ ส่วนหมวกซื้อแบบผ้ายืดประมาณ 2 ใบ แบบมีปีกซัก 1 ใบเผื่อออกนอกบ้านไว้ป้องกันแดด (ใครจะซื้อมากกว่านี้ตามสะดวกจ้า เราว่ามันไม่ค่อยได้ใช้เรามีหมวกลูกเยอะมากๆ แทบไม่เคยใส่เลยโดยเฉพาะแบบปีกกว้างเพราะลูกรำคาญ)


5.ผ้ากันน้ำลาย จะซื้อเตรียมไว้หรือซื้อตอนน้อย 3 เดือนขึ้นไปแล้วก็ได้ ช่วงหลังจาก 3 เดือน น้ำจิ้มจะเริ่มเยอะและตัวน้อยจะชอบเล่นน้ำลายด้วย


6.ผ้าอ้อมคอตต้อน 100% เท่านั้น ขนาด 29*29 ซม.หรือมากกว่านี้ถ้าจะใช้ห่อก้นหนูน้อยแบบสมัยโบราณแต่ถ้าใช้แค่เช็ดน้ำลาย พาดบ่าไม่ต้องใหญ่ขนาดนี้ก็ได้ ผ้าอ้อมคอตต้อนดีๆคุ้มค่าในการลงทุนซื้ออย่างดีไปเลยซื้อประมาณ 2 โหลก่อน ถ้ามีคนช่วยซัก ถ้าไม่มีคนช่วยซักก็ 4 โหลขึ้นไป


7.ผ้าห่อตัวหนูน้อยมีหลายแบบแนะนำแบบผ้ายืดใช้ง่ายกว่าแบบผ้าขนหนู ใช้วันที่ออกจากโรงพยาบาลจะกลับบ้าน และเวลาพาออกนอกบ้านไปยังที่ๆมีการเปิดแอร์ ประมาณ 2 ผืน


8.ผ้าอ้อมสำเร็จรูป NB จริงใช้เยอะมาก แต่อย่าเผื่อเยอะลองกะๆดูก่อนเริ่มด้วยห่อใหญ่ห่อเดียว เพราะมีประสบการณ์น้องแพ้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปบางยี่ห้อใส่แล้วขึ้นผื่น ถ้าให้ดีควรซื้อกางเกงผ้าอ้อมแบบเป็นผ้าซักได้ก็ดีจะช่วยเซฟได้แต่ลงทุนครั้งแรกจะเยอะหน่อย จ่ายครั้งเดียวแต่คุ้มระยะยาว แต่ต้องเลือกซื้อแบบซึมซับดี ซักแล้วแห้งง่าย ผิวสัมผัสอ่อนโยน ถ้าป้องกันแบคทีเรียเจริญเติบโตได้จะดีมาก ลองดูหลายๆยี่ห้อก่อนแล้วค่อยซื้อที่ชอบทีเดียว

*เราใช้อยู่ 2 ยี่ห้อ BumGenius กะ Totsbot เป็นผ้าใยไผ่ซื้อจากร้าน Bambigarden


9.เข็มกลัดซ่อนปลาย เราซื้อมาแต่ไม่ได้ใช้ ใครจะกลัดผ้าอ้อมผืนสี่เหลี่ยมเป็นกางเกงก็ซื้อนะจ๊ะ


10.ผ้ารองกันฉี่ 2 ผืนจ้า เอาแบบซักเครื่องได้นะ จะได้สะดวก


หมวดอาบน้ำ

1.แชมพู สบู่ สำหรับเด็กทารกโดยเฉพาะ เราใช้แบบธรรมชาติและออแกนิกส์ และใช้แยกกันเพราะไม่ทำให้เส้นผมน้องแห้ง หนังศรีษะไม่เป็นขลุย อย่าลืมว่าผิวหนังเด็กแรกเกิดอ่อนมากๆ เราต้องระวังทุกอย่างที่จะทำให้ระคายเคืองไม่ได้ให้เว่อร์แบบใช้อะไรเป็นยาไปหมด แต่พยายามใช้อะไรที่เป็นธรรมชาติไว้ก็ดีกว่า ไม่มีสารตกค้างด้วย


2.โลชั่นธรรมชาติหรือออยล์ธรรมชาติ เราไม่เอาพวกปิโตเลียมออยล์เลย เพราะเป็นสารก่อมะเร็ง เพราะสมัยนี้เลี้ยงลูกในห้องแอร์ก็ต้องมีบ้างดูตามสภาพผิวว่าควรใช้ตอนไหนแป้งไม่ใช้เพราะจะทำให้เด็กเป็นภูมิแพ้จ้ะ


3.อ่างอาบน้ำเด็กแบบกันเด็กลื่นจมน้ำจะดีสำหรับมือใหม่ๆอย่างเราเมื่อก่อน


4.ฟองน้ำธรรมชาติดีกว่าสังเคราะห์ 1 ก้อน


5.ขันตักน้ำ 1 ใบ


6.กาละมังเล็ก 1 ใบ เผื่อเวลาน้องตัวร้อนไว้เช็ดตัวลดไข้ เคล็ดลับเช็ดบ่อยๆ นานประมาณ 15 นาที จนความร้อนลง เช็ดในห้องอุณหภูมิปกติดีที่สุด


7.ถ้านั่งอาบมีเก้าอี้นั่ง 1 ตัว ถ้ายืนอาบหาโต็ะยาวๆ มาวางอ่างแล้วยืนอาบได้แล้วแต่ถนัด หรือถ้าอยากซื้อพวก baby bath station บางแบบจะบวก changing station มาใช้ก็ได้จะเป็นขาตั้งวางอ่างและมีที่เก็บของในตัว มีทั้งแบบไม้ตามร้านเฟอร์นิเจอร์และแบบพลาสติกในห้าง


8.สำลีก้านเล็ก 6 ห่อ ใช้เช็ดรูหูแบบตื้นๆ สำลีก้อน 6 ห่อ ใช้เช็ดก้น(ใส่กระปุกแช่น้ำต้มสุกพร้อมใช้) สำลีแผ่นรีดเรียบ 6 ห่อ ใช้เช็ดดวงตา ถ้าใช้ของดีหน่อยจะไม่มีใยสำลีไปติดตาน้องจ้ะ ต้องเลือกแบบสำลีฆ่าเชื้อนะ


9.กระดาษเปียกปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอลล์


10.ผ้าขนหนูเช็ดตัวนุ่มๆ 4 ผืน


11.ผ้าขนหนูเช็ดหน้าผืนเล็กๆ 2 ผืนเผื่อไว้เช็ดตัว


12.กะละมังซักผ้าด้วยมือ 2 ใบ


13.น้ำยาซักผ้าเด็ก


14.น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก


15.เบาะรองเปลี่ยนผ้าอ้อม TIPS:เราสร้าง station เองโดยการเอาโต๊ะมาวางอ่างอาบน้ำและเบาะไว้ใกล้กัน รวมถึงพวกอุปกรณ์อาบน้ำด้วย เวิร์คมากๆใช้จนยูกิเริ่มซนจนทำอะไรลำบากก็เลิกใช้แต่โต๊ะก็ยังเอาไปใช้ประโยชน์ได้อีกเพราะมันไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์เฉพาะ หรือใครจะซื้อ changing station แบบสำเร็จรูปก็ได้


หมวดให้นม

1.เครื่องปั๊มนม เราใช้ปั๊มคู่แบบอัตโนมัติ medela รุ่นไรจำไม่ได้ มันจะมีกระเป๋าเป้มาด้วย แต่แม่บางคนก็แนะนำ ameda เราว่า 2 ยี่ห้อนี้โอเคสุด


2.ขวดนม bpa free 5 ออนซ์ 8 ขวด เราใช้ zoli แล้วเวิร์คสุด ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มไปอ่านหน้ารีวิวจ้ะ


3.ขวดนม bpa free 10 ออนซ์ 4 ขวดก่อน แล้วค่อยซื้อเพิ่มก็ได้ ที่ให้เตรียมก็เพราะเด็กบางคนเป็นนักกินจะเปลี่ยนขวดเร็วกว่าเด็กทั่วไปจ้ะ


4.เครื่องนึ่งขวดนมอย่างดี 1 เครื่อง


5.ที่คว่ำขวดนมให้แห้งแบบปิดมิดชิด


6.กล่องเก็บอุปกรณ์ที่สะอาดแล้วที่ปิดมิดชิด เราใช้กล่อง bpa free ใหญ่สุดของ lock and lock 2 ใบ


7.กระบอกเก็บน้ำร้อนสแตนเลส 1 ลิตร 1 ใบ + กระบอกน้ำร้อนเก็บความร้อนแบบพกพา (ใส่น้ำขิงหรือน้ำอุ่นกินกระตุ้นน้ำนม) จะกระตุ้นน้ำนมห้ามกินน้ำเย็นจ้ะ


8.เหยือกแก้วใส่น้ำต้มสุกทิ้งให้เย็น แก้วจะไม่มีสาร bpa


9.แปรงล้างขวดนมแบบ bpa free ขนไนล่อน


10.น้ำยาล้างขวดนมจากธรรมชาติ


11.ถุงเก็บน้ำนมสำหรับแช่ช่องแข็งมีหลายยี่ห้อหลายราคาต่างกันที่ความหนาของถุงและคุณภาพการเก็บในช่องแข็ง


12.แผ่นซับน้ำนม


13.หมอนรองให้นม (มีหรือไม่มีก็ได้แล้วแต่ถนัด)


14.ครีมทาหัวนมแตก (บางโรงพยาบาลจะให้มาเลย ให้ดูแบบปลอดภัยและสามารถเข้าปากทารกได้ หรือจะใช้นมแม่ที่หยดออกมาทาเอารอบๆก็ได้แต่เราใช้แล้วไม่หายอ่ะ)


15.กระเป๋าเก็บอุณหภูมิสำหรับเก็บน้ำนมเวลาไปปั๊มนอกบ้าน


16.ที่อุ่นนม


17.เครื่องปั่นอาหาร หรือเครื่องเตรียมอาหารอ่อน วัยเริ่มกินจะอยู่ที่ประมาณ 6 เดือนขึ้นไปแล้วแต่บ้านจ้ะ


18.เครื่องคั้นน้ำผลไม้สกัด เราทำน้ำผลไม้ให้น้องยูกิเองตลอดไม่ซื้อสำเร็จ (เราเน้นน้ำฝรั้ง น้้ำตาลน้อย วิตามินซีสูงแคลเซียมสูง แครอทบ้าง แอปเปิ้ลบ้าง)


19.ที่คั้นน้ำส้ม (ส้มจะต้องเลือกดีๆเพราะมีโอกาสเสียโดยไม่รู้มากกว่าผลไม้อื่นและถ้าล้างไม่สะอาดจริงๆอาจทำให้ท้องเสีย )


หมวดของใหญ่

1.รถเข็น


2.คาร์ซีท


3.เตียงหรือเพลเพนหรือทั้ง 2 วางไว้คนละที่


4.ชุดเครื่องนอน (จำเป็นจริงแค่ผ้าปูกับเบาะนอน หมอนข้างใช้จัดท่านอนเด็กได้ แต่สำหรับเราผ้านวมไม่ได้ใช้เลย ซื้อมาตั้ง 2 ชุดตามคำแนะนำมาเหมือนกันตอนแรก)


5.หมอนหลุมอย่างดี


6.มุ้ง


7.โมบายมีเสียงหมุนได้


อื่นๆ ที่เราซื้อ :

1. เครื่องดูดน้ำมูกอัตโนมัติ แนะนำสุดๆ เพื่อความปลอดภัย

2. ที่ตัดเล็บ เราเคยซื้อทั้งแบบกรรไกรและแบบอัตโนมัติ ปัจจุบันใช้แต่แบบอัตโนมัติ เวิร์คดี

3.เป้อุ้มเด็ก

4. เสื่อหัดคลานซื้อตอนประมาณน้องได้ 6 เดือนจ้ะ

5. ผ้าคาดหน้าท้องหลังคลอด เราใช้ belly bandit รุ่น bamboo ใช้ดีมากๆหน้าท้องยุบเร็วแล้วก็เวลาเราให้นมน้องไม่เหมื่อยหลังดีจริง

6. bouncer ของ fisher price รุ่นที่ลูกเกดเป็นพรีเซ็นเตอร์ แพงและไม่คุ้มเลยน้องไม่ค่อยยอมนอนในนั้น ใช้ได้แค่ครั้ง 2 ครั้ง ก็วางไว้งั้น

นึกได้เท่านี้เองไว้จัมาอัพเดทต่อนะจ๊ะ












วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

Cupcake for Yuki


Green Tea Cupcake ; Yummy!!

Heart version for papa's yuki

Birthday Version.. for my yuki



ติดใจเสน่ห์ของ Cupcake เข้าอย่างจัง วันเกิดครบขวบเลยไปหาซื้อมาจัดเบิร์ธเดย์กันอย่างสนุกสนาน
ต่อมามานั่งคิดๆดู ถ้าอยากทานของที่มีวัตถุดิบดีๆ น่าตาน่ารัก น่าทานถูกใจลูกมากขึ้น ก็น่าจะลองทำดู
เลยไปสรรหาสูตรโน้นสูตรนี้มาทำ จนสำเร็จที่สุดก็คราวนี้

หัดทำจนสำเร็จแล้ว วันเกิดน้องยูกิคราวหน้า มาม๊า จะทำเอง ไม่ซื้อเด็ดขาดเลย อิอิ

ใครสนใจมาดูบ่อยๆนะคะ จะทยอยทำจนสูตรนิ่งแล้วจะลงสูตรที่คิดว่าอร่อยถูกปากที่สุดให้ลองทำกันบ้างค่ะ

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

ก่อนซื้อรถเข็นเด็กและคาร์ซีท

ข้อคิดก่อนซื้อรถเข็นและคาร์ซีท (โดยส่วนตัว):

ก่อนคุณจะถูกข้อมูลลัทธิรถเข็นญี่ปุ่นทำให้คุณตัดสินใจซื้อรถเข็นและคาร์ซีทได้ไม่ดีที่สุด

จะเลือกซื้อรถเข็นที่เบาเป็นปัจจัยแรกก่อนความสบายและความมั่นคงในการใช้งานของลูกน้อยจริงหรือ??

คาร์ซีทที่ใช้ได้ตั้งแต่เกิดจนโตหรือคาร์ซีทที่สามารถปรับนอนราบได้ดีแล้วจริงหรือ

ตามความคิดเราพวกเราๆค่อนข้างได้รับข้อมูลจำกัดและคนไทยส่วนใหญ่จะถูกปลูกฝังมาว่ารถเข็นต้องเบาไว้ก่อน ซึ่งเราว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะเมื่อก่อนตัวเลือกของแม่ๆอย่างเรามีไม่มากจะ มีก็แต่แบรนด์ญี่ปุ่นเท่านั้นที่ดูแล้วน่าใช้ แต่หากย้อนคิดสักนิดว่าคนญี่ปุ่นนั้นถ้าเป็นคนทั่วไปของประเทศประมาณ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์จะ 1. บ้านเล็กมากเป็นคอนโดซะส่วนใหญ่พื้นที่มีจำกัด 2. ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวขับ ต้องคนรวยมากเท่านั้นจึงจะมีรถยนต์เพราะมีรถยนต์นั้นมาพร้อมกับพื้นที่ในการ จอดตามที่ต่างๆ บ้านต้องมีบริเวณ (ในหนังญี่ปุ่นจะมีให้ดูเสมอขนาดรวยมากมายบ้านยังเล็กจึ๋งเดียว ) 3. แม่บ้านเดินทางด้วยตัวเองโดยการขนส่งสาธารณะ สามีไม่ค่อยมีบทบาทและส่วนร่วมในการออกไปทำกิจกรรมที่ตามต่างๆทำให้แม่บ้าน ญี่ปุ่นต้องกะเตงลูกพร้อมอุปกรณ์ต่างๆมากมายด้วยตนเอง (แอบน่าสงสารนะคะ) ทำให้ข้อจำกัดเรื่องความเบาเป็นปัจจััยหลักที่ผู้ผลิตจะต้องเอามาเป็นโจทย์ ในการผลิตรถเข็น

2. ควรเลือกรถเข็นที่มีฐานล้อกว้างและมีล้อใหญ่เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของ ลูก ฐานล้อที่กว้างทำให้โอกาสการคว่ำน้อยและสามารถรองรับน้ำหนักตัวของเด็กที่ เพิ่มมากขึ้้นอย่างรวดเร็ว ขึ้นชื่อว่าเด็กพอเริ่มรู้เรื่องก็ไม่อยู่เฉยแน่นอนหากรถเข็นไม่มั่นคงขณะ ที่เด็กมีการเคลื่อนไหวแบบไม่ยั้งคิดอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เมื่อรถเข็น ของคุณมีฐานล้อที่แคบและมีล้อเล็ก (ประสบการณืตรงมีมาแล้วค่ะ)

*** ป่าวแอนตี้พี่ยุ่นของบางอย่างที่เราว่าโอเคเราก็ใช้ของญี่ปุ่นอยู่เช่นแปรง สีฟัน pegion แต่ขวดนมและของให้อาหารน้องไม่ใช้ค่ะ อย่างขนมติงต๋องนี่กินประจำ อิอิ แต่รถเข็นกะคาร์ซีทนี่ขอผ่านคร๊าบ

3. คิดถึง life style ของคุณก่อนว่าเหมาะกับแบบไหนกันแน่ ถ้าต้องเดินทางเองคนเดียวกับกะเตงลูก โดยใช้รถไฟฟ้า หรือไรอย่างเงี๊ยะ ทำให้ข้อจำกัดของคุณแม่จำกัดนิดนึง ก็แนะนำค่ะว่าคงเหมาะกับแบบของพี่ยุ่นที่คล่องตัวและสมบุกสมบันกว่า แต่ถ้าเพื่อนๆที่มีรถยนต์ คนขับรถ (สามีหรือคนขับรถอย่างเดียว) พี่เลี้ยงไปไหนต่อไหนด้วย ก็คำนึงถึงความสบายของลูกเป็นหลักดีกว่าไหมคะ

ส่วนการเลือกคาร์ซีทควรคำนึงเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยและการติดตั้งที่มั่นคงเป็นหลัก

ส่วนตัวแล้วจะเชื่อถือมาตรฐานคาร์ซีทของทางยุุโรปมากกว่าเพราะมาคิดๆดูสามีก็พูดถูกว่า "คนญี่ปุ่นไม่ค่อยใช้รถยนต์แล้วคาร์ซีทจากญี่ปุ่นจะมีการทดสอบที่เที่ยงตรงและ strict กว่าประเทศตะวันตกที่มีกฎหมายการคุ้มครองความปลอดภัยเด็กขณะอยู่บนรถยนต์ที่รุนแรงและเข้มงวดกว่าได้ยังไง" เราก็เออจริงของพี่เค้านะ (แต่ก็แอบคิดในใจว่าแล้วพี่ทำไมไม่หาข้อมูลก่อนซื้อตอนแรกอ่ะ จะได้ไม่เสียดายตังค์คือตอนแรกก็ซื้อของญี่ปุ่นมาใช้เหมือนกันค่ะ)
หุหุ รู้กันแค่นี้นะคะ

ข้อให้สังเกตุหลักๆ

1. วัสดุภายในที่ต้องสามารถปกป้องลูกของคุณได้จริง ขอเปิดดูใต้ผ้าหุ้มเลยค่ะ ว่าใช้อะไรเป็นตัวปกป้องชีวิตของลูกเรา ถ้าเป็นฟองน้ำ(ประมาณว่าล้างจานหรือผ้านวม) นี่อย่าซื้อนะคะ ขอเตือนบางทีผู้ผลิตทำให้ภายนอกดูดีไว้ก่อนแต่ข้างในไม่รับผิดชอบก็มีต้อง ระวังค่ะ
2. คาร์ซีทที่ดีควรออกแบบตามมาตรฐานสากลและสามารถติดตั้งในตำแหน่งที่ปลอดภัย ที่สุดในรถยนต์คือที่นั่งตรงกลางเบาะด้านหลังคนขับโดยหันหน้าเด็กไปทางหลัง รถยนต์ค่ะ
3. ควรมีมาตรฐานการติดตั้งที่มีระบบแน่นอนไม่ใช้การกะประมาณของผู้ติดตั้งแต่ละคนที่แตกต่างกันค่ะ
4. สามารถหมุนได้รอบ 360 องศา เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงคาร์ซีทของเด็ก
5. การออกแบบที่เหมาะสมกับสรีระของเด็กในแต่ละวัยบางครั้ง คาร์ซีทเดียวใช้ได้ตลอดก็อาจไม่ดีเสมอไป ตามหลักวิทยาศาสตร์อุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนใหญ่หากทำให้ครอบจักรวาล มักไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร หากต้องมีการเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนไปตามสเต็ปการเติบโตของเค้าบ้างเพื่อความ ปลอดภัยที่ออกแบบให้ปกป้องเด็กตามสรีระของเด็กที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัย
6.
คาร์ซีทแบบนอนราบ ไม่ใช่ท่ามาตรฐานที่จะปกป้องเด็กคือจะไม่ปลอดภัยหากโชคร้ายเกิด อุบัติเหตุตอนปรับนอนราบอยู่ เพราะท่านอนราบไม่ใช่ท่าที่ปลอดภัยของคาร์ซีทค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ฟังก์ที่ควรนำมาตัดสินใจเลือกซื้อค่ะ มาตรฐานการทดสอบแบบรถยนต์ต่างหากที่ควรนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ
ลิงค์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้
http://www.cpsafety.com/articles/RFbasics.aspx

จากที่แปลบทความมาคาร์ซีทที่ดีและได้มาตรฐานสากลต้องถูกออกแบบมาให้ทำมุม 45องศาขณะเด็กนั่งค่ะ

การปรับเอนนอนเพื่อการหลับบนรถคนขายส่วนใหญ่จะอ้างว่าป้องกันโรค SIDS (โรคไหลตายในเด็ก)

นี่เป็นลิงค์โดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ http://www.sids.org/nprevent.htm,
http://en.wikipedia.org/wiki/Sudden_infant_death_syndrome )

จากการอ่านพบว่าโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อราบางชนิดจากสภาพแวดล้อมในบ้านและอื่นๆไม่เกี่ยวกับการจะต้องให้เด็กเอนนอนตลอดเวลาค่ะ ยิ่งอยู่บนรถยนต์ให้เด็กนอนท่าที่ปลอดภัยจากอุบัติเหตุดีกว่าค่ะ

** คุณแม่ท่านใดที่ใช้อยู่ก็พยายามอย่าปรับให้น้องนอนราบเลยนะคะ อุบัติเหตุเิกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ บางทีไม่ใช่จากเราแต่เป็นคนอื่นที่อยู่ในถนนค่ะ

ด้วยรักและปรารถนาดีจากแม่ด้วยกันคนหนึ่งค่ะ

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

การเลือกรถเข็นเด็กและคาร์ซีทควรเลือกอย่างไร

สวัสดีค่ะเพื่อนแม่ๆที่แวะเวียนเข้ามาที่บล็อกของน้องยูกิและมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหลังไมค์กันเสมอ

วันนี้จะมาแชร์ข้อมูลที่เราให้กับเพื่อนๆของเราที่กำลังมีน้องตามมาติดๆหลายๆท่านได้นำไปใช้อาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย (แต่ต้องขออภัยหากงบประมาณของแต่ละท่านแตกต่างกันออกไป)

ท้าว ความกันหน่อยนะจ๊ะว่าเหตุใดเราถึงกล้าออกมาแนะนำหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยว กับ การเลือกซื้อรถเข็น เรื่องมีอยู่ว่าตอนที่เราและสามีจะตัดสินใจเลือกซื้อรถเข็นให้ลูกตอนนั้นเรา แทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย มีก็แต่เพื่อนๆแนะนำและข้อมูลจากลัทธิรถเข็นญี่ปุ่นบนอินเตอเน็ต ก็ซื้อเลยค่ะตามคำแนะนำของเพื่อนได้รถเข็นญี่ปุ่นแบรนด์ดังมาครอบครอง บอกตามตรงว่าตอนแรกทั้ง ภูมิใจแต่ก็อึ้งในเวลาเดียวกันเพราะเสียตังค์ไปหลาย...ห้าหมื่นกว่าบาทคาร์ ซีทและรถเข็น ซื้อรุ่นที่ออกมาใหม่ๆ ทุ่มทุนสร้างสุดๆเพื่อลูก แต่หลังจากได้ใช้เองก็รู้เลยค่ะว่าไม่เหมาะกับเรา มันขัดหูขัดตาในความบอบบาง เลยรู้สึกว่าลูกเราไม่มั่นคงบนรถเข็นที่ทำจากพลาสติก เลยอยากออกมาเป็นคนพูดเรื่องให้ตัดสินใจดีๆก่อนซื้อค่ะว่า lifestlye ของคุณเหมาะไหมและธรรมชาติของคุณชอบของที่มีคุณภาพประมาณไหนหรือมาตรฐานของ คุณคืออะไรค่ะ

ตอนนี้กองอยู่ที่บ้านไม่ได้ใช้เลยอ่ะเพราะตั้งแต่เริ่มใช้น้องบ่ยอมนั่งตั้งแต่ประมาณ 3 เดือนและประกอบกับส่วนตัวหลังจากใช้แล้วไม่ค่อยชอบเลยเพราะมันไม่มั่นคงเวลาเข็นค่ะ

เหตุผลที่ไม่ชอบ :

1. อย่างรถเข็นโอเคว่าคนขายพยายามเน้นว่ามันเบาแสนเบาไอ้เราก็บ้าจี้เออเนอะมันเบาดีแต่ลืมนึกไปว่าความเบามันมาพร้อมกับวัสดุที่เป็นแค่พลาสติกทำให้มันค่อนข้างไม่แข็งแรงคือแบบไม่ค่อยเฟิร์มเวลาเข็นอย่างเวลาเจอที่ขรุขระในหมู่บ้านนี่สั่นๆๆๆๆๆแบบ shakeเลยค่า เคยมีทีนึงน้องเพิ่งดื่มนมเสร็จก็เลยแหวะออกมา ก็เลยรู้สึกตะหงิดใจว่าทำไมจ่ายตังค์ตั้งเป็นหลักสองหมื่นกว่ามันได้อะไรก๋องแก๋งจัง (ตอนลองเข็นที่ร้านก็ไหลปรื๊ด คล่องปร๊าดดีแต่พอมีน้ำหนักน้องลงไปบนรถนี่เข็นแล้วจะดังเอี๊ยดๆหน่อย คนละเรื่องกะตอนลองเข็นที่ร้านเลยอ่ะ) แต่ก็ใช้ไปก่อนเพราะจ่ายเงินไปแล้วนี่เนอะ (เฮ้อ)

2. เหตุการณ์นี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ซื้อคันใหม่เพราะว่าวันนึงเข็นน้องเดินสวนหลวงสููดอากาศตอนเ้ช้าตามปกติ เคราะห์ร้ายเข็นหลบลูกระนาบไม่พ้นดี รถเข็นก็เลยตะแคงจนเกือบควำ่ ดีนะที่สามีโดดไปรองรับไว้ทัน ไม่งั้นลูกสาวแม่ล้มเจ็บตัวแน่ๆเลย ...

3. คิดว่าใช้ได้แป็ปเดียวแน่นอนเห็นบอกว่าใช้ได้จนโตแต่ขนาดตอนนี้ยังเอี๊ยดๆ ถ้าน้องตัวใหญ่ขึ้นนี่ไม่ต้องห่วงค่ะเพื่อนๆการันตีมาหมดแล้วว่าไม่ไหวค่ะทั้งเอี๊ยดอ๊าดและคับแคบค่า เพื่อนๆบางคนที่ใช้รถเข็นญี่ปุ่นก็บ่นกันและซื้อรถเข็นใหม่เป็นของยุโรปทั้งนั้นเลยค่ะ สรุปแล้วใช้ไม่ถึงโตหรอกค่ะ

4. อย่างคาร์ซีทนี่น้องนั่งแล้วร้อนเพราะนวมบุมันเยอะจัด เพราะบอกว่าออกแบบมาให้ใช้ถึงโต เลยทำมาซะใหญ่ยักแล้วก็บุนวมหนาเพื่อบล็อกตัวน้องตอนเล็กๆไว้ เค้าขี้ร้อนมากค่ะ องศาการนั่งไม่ค่อยสบายเลยไม่ค่อยชอบเวลาจะจับนั่งไปนอกบ้านนี่ปล้ำกันนานเลยแต่ดีตรงที่นอนราบได้เผื่อน้องหลับบนรถและคนขายอ้างว่าป้องกันโรค SIDS (โรคไหลตายในเด็ก) เราก็ตกใจเลยยิ่งประทับใจกับฟังก์ชั่นการปรับนอนราบได้ (แต่มารู้ทีหลังว่าเมื่อคาร์ซีทนอนราบจะไม่ใช่ท่ามาตรฐานที่จะปกป้องเด็กคือจะไม่ปลอดภัยหากโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุตอนปรับนอนราบอยู่ เพราะท่านอนราบไม่ใช่ท่าที่ปลอดภัยของคาร์ซีทค่ะ ลิงค์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ http://www.cpsafety.com/articles/RFbasics.aspx
จากที่แปลบทความมาคาร์ซีทต้องถูกออกแบบมาให้ทำมุม 45องศาขณะเด็กนั่งค่ะ
ส่วนเรื่องโรค SIDS นี่หาข้อมูลแล้วมันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงเลยค่ะ

นี่เป็นลิงค์โดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ http://www.sids.org/nprevent.htm,
http://en.wikipedia.org/wiki/Sudden_infant_death_syndrome )

**โดยส่วนตัวเราไม่มีคอมเม้นท์แต่สามีจะมีเพราะบ่นอุบตลอดเวลาที่จะส่งรถไปล้างทุกอาทิตย์เนื่องจากสามีไม่อยากให้พนักงานมาโดนเบาะที่น้องต้องนั่ง เลยต้องถอดออกทุกครั้งก่อนส่งล้าง แล้วก็อีกทีคือตอนเปลี่ยนรถยนต์ใช้ เพราะที่บ้านถ้าไปกันหลายคนจะใช้รถครอบครัวที่เป็นคันใหญ่แต่ถ้าจะไปเปรี้ยวกัน 3 คน พ่อแม่ลูกก็จะใช้รถเก๋งเพราะหาที่จอดง่ายดีและคล่องตัวกว่า พอคาร์ซีทที่มีอยู่ใหญ่เป็นก้อนซะขนาดนี้กว่าสามีจะถอดทีใส่ที ก็หอบกันเลยทีเดียว

ข้อคิดก่อนซื้อรถเข็นและคาร์ซีท (โดยส่วนตัว):

จะเลือกซื้อรถเข็นที่เบาเป็นปัจจัยแรกก่อนความสบายและความมั่นคงในการใช้งานของลูกน้อยจริงหรือ??

ตามความคิดเราพวกเราๆค่อนข้างได้รับข้อมูลจำกัดและคนไทยส่วนใหญ่จะถูกปลูกฝังมาว่ารถเข็นต้องเบาไว้ก่อน ซึ่งเราว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะเมื่อก่อนตัวเลือกของแม่ๆอย่างเรามีไม่มากจะมีก็แต่แบรนด์ญี่ปุ่นเท่านั้นที่ดูแล้วน่าใช้ แต่หากย้อนคิดสักนิดว่าคนญี่ปุ่นนั้นถ้าเป็นคนทั่วไปของประเทศประมาณ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์จะ 1. บ้านเล็กมากเป็นคอนโดซะส่วนใหญ่พื้นที่มีจำกัด 2. ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวขับ ต้องคนรวยมากเท่านั้นจึงจะมีรถยนต์เพราะมีรถยนต์นั้นมาพร้อมกับพื้นที่ในการจอดตามที่ต่างๆ บ้านต้องมีบริเวณ (ในหนังญี่ปุ่นจะมีให้ดูเสมอขนาดรวยมากมายบ้านยังเล็กจึ๋งเดียว ) 3. แม่บ้านเดินทางด้วยตัวเองโดยการขนส่งสาธารณะ สามีไม่ค่อยมีบทบาทและส่วนร่วมในการออกไปทำกิจกรรมที่ตามต่างๆทำให้แม่บ้านญี่ปุ่นต้องกะเตงลูกพร้อมอุปกรณ์ต่างๆมากมายด้วยตนเอง (แอบน่าสงสารนะคะ) ทำให้ข้อจำกัดเรื่องความเบาเป็นปัจจััยหลักที่ผู้ผลิตจะต้องเอามาเป็นโจทย์ในการผลิตรถเข็น

2. ควรเลือกรถเข็นที่มีฐานล้อกว้างและมีล้อใหญ่เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของลูก ฐานล้อที่กว้างทำให้โอกาสการคว่ำน้อยและสามารถรองรับน้ำหนักตัวของเด็กที่เพิ่มมากขึ้้นอย่างรวดเร็ว ขึ้นชื่อว่าเด็กพอเริ่มรู้เรื่องก็ไม่อยู่เฉยแน่นอนหากรถเข็นไม่มั่นคงขณะที่เด็กมีการเคลื่อนไหวแบบไม่ยั้งคิดอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เมื่อรถเข็นของคุณมีฐานล้อที่แคบและมีล้อเล็ก (ประสบการณืตรงมีมาแล้วค่ะ)

*** ป่าวแอนตี้พี่ยุ่นของบางอย่างที่เราว่าโอเคเราก็ใช้ของญี่ปุ่นอยู่เช่นแปรงสีฟัน pegion แต่ขวดนมและของให้อาหารน้องไม่ใช้ค่ะ อย่างขนมติงต๋องนี่กินประจำ อิอิ แต่รถเข็นกะคาร์ซีทนี่ขอผ่านคร๊าบ

3. คิดถึง life style ของคุณก่อนว่าเหมาะกับแบบไหนกันแน่ ถ้าต้องเดินทางเองคนเดียวกับกะเตงลูก โดยใช้รถไฟฟ้า หรือไรอย่างเงี๊ยะ ทำให้ข้อจำกัดของคุณแม่จำกัดนิดนึง ก็แนะนำค่ะว่าคงเหมาะกับแบบของพี่ยุ่นที่คล่องตัวและสมบุกสมบันกว่า แต่ถ้าเพื่อนๆที่มีรถยนต์ คนขับรถ (สามีหรือคนขับรถอย่างเดียว) พี่เลี้ยงไปไหนต่อไหนด้วย ก็คำนึงถึงความสบายของลูกเป็นหลักดีกว่าไหมคะ

การเลือกคาร์ซีทควรคำนึงเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยและการติดตั้งที่มั่นคงเป็นหลัก

ส่วนตัวแล้วจะเชื่อถือมาตรฐานคาร์ซีทของทางยุุโรปมากกว่าเพราะมาคิดๆดูสามีก็พูดถูกว่า "คนญี่ปุ่นไม่ค่อยใช้รถยนต์แล้วคาร์ซีทจากญี่ปุ่นจะมีการทดสอบที่เที่ยงและ strict กว่าประเทศตะวันตกที่มีกฎหมายการคุ้มครองความปลอดภัยเด็กขณะอยู่บนรถยนต์ที่แรงกว่าได้ยังไง" เราก็เออจริงของพี่เค้านะ (แต่ก็แอบคิดในใจว่าแล้วพี่ทำไมไม่หาข้อมูลก่อนซื้อตอนแรกอ่ะ จะได้ไม่เสียดายตังค์)
หุหุ รู้กันแค่นี้นะคะ

ข้อให้สังเกตุหลักๆ

1. ขอเปิดดูใต้ผ้าหุ้มเลยค่ะ ว่าใช้อะไรเป็นตัวปกป้องชีวิตของลูกเรา ถ้าเป็นฟองน้ำ(ประมาณว่าล้างจานหรือผ้านวม) นี่อย่าซื้อนะคะ ขอเตือนบางทีผู้ผลิตทำให้ภายนอกดูดีไว้ก่อนแต่ข้างในไม่รับผิดชอบก็มีต้องระวังค่ะ
2. คาร์ซีทที่ดีควรออกแบบตามมาตรฐานสากลและสามารถติดตั้งในตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุดในรถยนต์คือที่นั่งตรงกลางเบาะด้านหลังคนขับโดยหันหน้าเด็กไปทางหลังรถยนต์ค่ะ
3. ควรมีมาตรฐานการติดตั้งที่มีระบบแน่นอนไม่ใช้การกะประมาณของผู้ติดตั้งแต่ละคนที่แตกต่างกันค่ะ
4. สามารถหมุนได้รอบ 360 องศา เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงคาร์ซีทของเด็ก
5. การออกแบบที่เหมาะสมกับสรีระของเด็กในแต่ละวัยบางครั้ง คาร์ซีทเดียวใช้ได้ตลอดก็อาจไม่ดีเสมอไป ตามหลักวิทยาศาสตร์อุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนใหญ่หากทำให้ครอบจักรวาลมักไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร หากต้องมีการเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนไปตามสเต็ปการเติบโตของเค้าบ้างเพื่อความปลอดภัยที่ออกแบบให้ปกป้องเด็กตามสรีระของเด็กที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัย
6.
คาร์ซีทแบบนอนราบจะไม่ใช่ท่ามาตรฐานที่จะปกป้องเด็กคือจะไม่ปลอดภัยหากโชคร้ายเกิด อุบัติเหตุตอนปรับนอนราบอยู่ เพราะท่านอนราบไม่ใช่ท่าที่ปลอดภัยของคาร์ซีทค่ะ ลิงค์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ http://www.cpsafety.com/articles/RFbasics.aspx

** คุณแม่ท่านใดที่ใช้อยู่ก็พยายามอย่าปรับให้น้องนอนราบเลยนะคะ อุบัติเหตุเิกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ บางทีไม่ใช่จากเราแต่เป็นคนอื่นที่อยู่ในถนนค่ะ

เป็นเหตุให้สามียอมเสียตังค์อีกรอบ (กะของๆลูกอีกเช่นเคยเค้าทุ่มเสมอเพื่อลูกค่ะ จากที่ไปหาข้อมูลอย่างจริงจัง เพราะกะว่าจะต้องถอยรถเข็นใหม่ เป็นที่มาว่าได้มายกเซตค่ะ ปัจจุบันยูกิน้อยได้นั่ง Orbit System ของเมกาซะ)

ตอนที่ถ่ายนี้หนู 5 เดือนค่า

เราว่าการเลือกซื้อของต่างๆควรคำนึงถึงผู้ใช้ของเป็นหลักนะคะ อย่างของที่เราใช้เราก็เลือกที่เราชอบเราสบาย แต่เด็กเค้าเลือกไม่ได้เราจึงควรให้เกียรติลูก โดยเลือกของที่เหมาะสมกับเค้าโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเค้าเป็นหลักค่ะ บล็อกนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่ต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่าันั้นนะคะ

พบกันใหม่ค่ะ






วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

Yuki with ORBIT BABY collection

เที่ยวห้างไปหลับไปค่า......
ยูกิน้อยนอนหลับสบายอยู่ในรถเข็น Orbit