วันนี้จะมาแชร์ข้อมูลที่เราให้กับเพื่อนๆของเราที่กำลังมีน้องตามมาติดๆหลายๆท่านได้นำไปใช้อาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย (แต่ต้องขออภัยหากงบประมาณของแต่ละท่านแตกต่างกันออกไป)
ท้าว ความกันหน่อยนะจ๊ะว่าเหตุใดเราถึงกล้าออกมาแนะนำหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยว กับ การเลือกซื้อรถเข็น เรื่องมีอยู่ว่าตอนที่เราและสามีจะตัดสินใจเลือกซื้อรถเข็นให้ลูกตอนนั้นเรา แทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย มีก็แต่เพื่อนๆแนะนำและข้อมูลจากลัทธิรถเข็นญี่ปุ่นบนอินเตอเน็ต ก็ซื้อเลยค่ะตามคำแนะนำของเพื่อนได้รถเข็นญี่ปุ่นแบรนด์ดังมาครอบครอง บอกตามตรงว่าตอนแรกทั้ง ภูมิใจแต่ก็อึ้งในเวลาเดียวกันเพราะเสียตังค์ไปหลาย...ห้าหมื่นกว่าบาทคาร์ ซีทและรถเข็น ซื้อรุ่นที่ออกมาใหม่ๆ ทุ่มทุนสร้างสุดๆเพื่อลูก แต่หลังจากได้ใช้เองก็รู้เลยค่ะว่าไม่เหมาะกับเรา มันขัดหูขัดตาในความบอบบาง เลยรู้สึกว่าลูกเราไม่มั่นคงบนรถเข็นที่ทำจากพลาสติก เลยอยากออกมาเป็นคนพูดเรื่องให้ตัดสินใจดีๆก่อนซื้อค่ะว่า lifestlye ของคุณเหมาะไหมและธรรมชาติของคุณชอบของที่มีคุณภาพประมาณไหนหรือมาตรฐานของ คุณคืออะไรค่ะ
ตอนนี้กองอยู่ที่บ้านไม่ได้ใช้เลยอ่ะเพราะตั้งแต่เริ่มใช้น้องบ่ยอมนั่งตั้งแต่ประมาณ 3 เดือนและประกอบกับส่วนตัวหลังจากใช้แล้วไม่ค่อยชอบเลยเพราะมันไม่มั่นคงเวลาเข็นค่ะ
เหตุผลที่ไม่ชอบ :
1. อย่างรถเข็นโอเคว่าคนขายพยายามเน้นว่ามันเบาแสนเบาไอ้เราก็บ้าจี้เออเนอะมันเบาดีแต่ลืมนึกไปว่าความเบามันมาพร้อมกับวัสดุที่เป็นแค่พลาสติกทำให้มันค่อนข้างไม่แข็งแรงคือแบบไม่ค่อยเฟิร์มเวลาเข็นอย่างเวลาเจอที่ขรุขระในหมู่บ้านนี่สั่นๆๆๆๆๆแบบ shakeเลยค่า เคยมีทีนึงน้องเพิ่งดื่มนมเสร็จก็เลยแหวะออกมา ก็เลยรู้สึกตะหงิดใจว่าทำไมจ่ายตังค์ตั้งเป็นหลักสองหมื่นกว่ามันได้อะไรก๋องแก๋งจัง (ตอนลองเข็นที่ร้านก็ไหลปรื๊ด คล่องปร๊าดดีแต่พอมีน้ำหนักน้องลงไปบนรถนี่เข็นแล้วจะดังเอี๊ยดๆหน่อย คนละเรื่องกะตอนลองเข็นที่ร้านเลยอ่ะ) แต่ก็ใช้ไปก่อนเพราะจ่ายเงินไปแล้วนี่เนอะ (เฮ้อ)
2. เหตุการณ์นี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ซื้อคันใหม่เพราะว่าวันนึงเข็นน้องเดินสวนหลวงสููดอากาศตอนเ้ช้าตามปกติ เคราะห์ร้ายเข็นหลบลูกระนาบไม่พ้นดี รถเข็นก็เลยตะแคงจนเกือบควำ่ ดีนะที่สามีโดดไปรองรับไว้ทัน ไม่งั้นลูกสาวแม่ล้มเจ็บตัวแน่ๆเลย ...
3. คิดว่าใช้ได้แป็ปเดียวแน่นอนเห็นบอกว่าใช้ได้จนโตแต่ขนาดตอนนี้ยังเอี๊ยดๆ ถ้าน้องตัวใหญ่ขึ้นนี่ไม่ต้องห่วงค่ะเพื่อนๆการันตีมาหมดแล้วว่าไม่ไหวค่ะทั้งเอี๊ยดอ๊าดและคับแคบค่า เพื่อนๆบางคนที่ใช้รถเข็นญี่ปุ่นก็บ่นกันและซื้อรถเข็นใหม่เป็นของยุโรปทั้งนั้นเลยค่ะ สรุปแล้วใช้ไม่ถึงโตหรอกค่ะ
4. อย่างคาร์ซีทนี่น้องนั่งแล้วร้อนเพราะนวมบุมันเยอะจัด เพราะบอกว่าออกแบบมาให้ใช้ถึงโต เลยทำมาซะใหญ่ยักแล้วก็บุนวมหนาเพื่อบล็อกตัวน้องตอนเล็กๆไว้ เค้าขี้ร้อนมากค่ะ องศาการนั่งไม่ค่อยสบายเลยไม่ค่อยชอบเวลาจะจับนั่งไปนอกบ้านนี่ปล้ำกันนานเลยแต่ดีตรงที่นอนราบได้เผื่อน้องหลับบนรถและคนขายอ้างว่าป้องกันโรค SIDS (โรคไหลตายในเด็ก) เราก็ตกใจเลยยิ่งประทับใจกับฟังก์ชั่นการปรับนอนราบได้ (แต่มารู้ทีหลังว่าเมื่อคาร์ซีทนอนราบจะไม่ใช่ท่ามาตรฐานที่จะปกป้องเด็กคือจะไม่ปลอดภัยหากโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุตอนปรับนอนราบอยู่ เพราะท่านอนราบไม่ใช่ท่าที่ปลอดภัยของคาร์ซีทค่ะ ลิงค์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ http://www.cpsafety.com/
จากที่แปลบทความมาคาร์ซีทต้องถูกออกแบบมาให้ทำมุม 45องศาขณะเด็กนั่งค่ะ
ส่วนเรื่องโรค SIDS นี่หาข้อมูลแล้วมันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงเลยค่ะ
นี่เป็นลิงค์โดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ http://www.sids.org/nprevent.
http://en.wikipedia.org/wiki/
**โดยส่วนตัวเราไม่มีคอมเม้นท์แต่สามีจะมีเพราะบ่นอุบตลอดเวลาที่จะส่งรถไปล้างทุกอาทิตย์เนื่องจากสามีไม่อยากให้พนักงานมาโดนเบาะที่น้องต้องนั่ง เลยต้องถอดออกทุกครั้งก่อนส่งล้าง แล้วก็อีกทีคือตอนเปลี่ยนรถยนต์ใช้ เพราะที่บ้านถ้าไปกันหลายคนจะใช้รถครอบครัวที่เป็นคันใหญ่แต่ถ้าจะไปเปรี้ยวกัน 3 คน พ่อแม่ลูกก็จะใช้รถเก๋งเพราะหาที่จอดง่ายดีและคล่องตัวกว่า พอคาร์ซีทที่มีอยู่ใหญ่เป็นก้อนซะขนาดนี้กว่าสามีจะถอดทีใส่ที ก็หอบกันเลยทีเดียว
ข้อคิดก่อนซื้อรถเข็นและคาร์ซีท (โดยส่วนตัว):
จะเลือกซื้อรถเข็นที่เบาเป็นปัจจัยแรกก่อนความสบายและความมั่นคงในการใช้งานของลูกน้อยจริงหรือ??
ตามความคิดเราพวกเราๆค่อนข้างได้รับข้อมูลจำกัดและคนไทยส่วนใหญ่จะถูกปลูกฝังมาว่ารถเข็นต้องเบาไว้ก่อน ซึ่งเราว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะเมื่อก่อนตัวเลือกของแม่ๆอย่างเรามีไม่มากจะมีก็แต่แบรนด์ญี่ปุ่นเท่านั้นที่ดูแล้วน่าใช้ แต่หากย้อนคิดสักนิดว่าคนญี่ปุ่นนั้นถ้าเป็นคนทั่วไปของประเทศประมาณ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์จะ 1. บ้านเล็กมากเป็นคอนโดซะส่วนใหญ่พื้นที่มีจำกัด 2. ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวขับ ต้องคนรวยมากเท่านั้นจึงจะมีรถยนต์เพราะมีรถยนต์นั้นมาพร้อมกับพื้นที่ในการจอดตามที่ต่างๆ บ้านต้องมีบริเวณ (ในหนังญี่ปุ่นจะมีให้ดูเสมอขนาดรวยมากมายบ้านยังเล็กจึ๋งเดียว ) 3. แม่บ้านเดินทางด้วยตัวเองโดยการขนส่งสาธารณะ สามีไม่ค่อยมีบทบาทและส่วนร่วมในการออกไปทำกิจกรรมที่ตามต่างๆทำให้แม่บ้านญี่ปุ่นต้องกะเตงลูกพร้อมอุปกรณ์ต่างๆมากมายด้วยตนเอง (แอบน่าสงสารนะคะ) ทำให้ข้อจำกัดเรื่องความเบาเป็นปัจจััยหลักที่ผู้ผลิตจะต้องเอามาเป็นโจทย์ในการผลิตรถเข็น
2. ควรเลือกรถเข็นที่มีฐานล้อกว้างและมีล้อใหญ่เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของลูก ฐานล้อที่กว้างทำให้โอกาสการคว่ำน้อยและสามารถรองรับน้ำหนักตัวของเด็กที่เพิ่มมากขึ้้นอย่างรวดเร็ว ขึ้นชื่อว่าเด็กพอเริ่มรู้เรื่องก็ไม่อยู่เฉยแน่นอนหากรถเข็นไม่มั่นคงขณะที่เด็กมีการเคลื่อนไหวแบบไม่ยั้งคิดอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เมื่อรถเข็นของคุณมีฐานล้อที่แคบและมีล้อเล็ก (ประสบการณืตรงมีมาแล้วค่ะ)
*** ป่าวแอนตี้พี่ยุ่นของบางอย่างที่เราว่าโอเคเราก็ใช้ของญี่ปุ่นอยู่เช่นแปรงสีฟัน pegion แต่ขวดนมและของให้อาหารน้องไม่ใช้ค่ะ อย่างขนมติงต๋องนี่กินประจำ อิอิ แต่รถเข็นกะคาร์ซีทนี่ขอผ่านคร๊าบ
3. คิดถึง life style ของคุณก่อนว่าเหมาะกับแบบไหนกันแน่ ถ้าต้องเดินทางเองคนเดียวกับกะเตงลูก โดยใช้รถไฟฟ้า หรือไรอย่างเงี๊ยะ ทำให้ข้อจำกัดของคุณแม่จำกัดนิดนึง ก็แนะนำค่ะว่าคงเหมาะกับแบบของพี่ยุ่นที่คล่องตัวและสมบุกสมบันกว่า แต่ถ้าเพื่อนๆที่มีรถยนต์ คนขับรถ (สามีหรือคนขับรถอย่างเดียว) พี่เลี้ยงไปไหนต่อไหนด้วย ก็คำนึงถึงความสบายของลูกเป็นหลักดีกว่าไหมคะ
การเลือกคาร์ซีทควรคำนึงเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยและการติดตั้งที่มั่นคงเป็นหลัก
ส่วนตัวแล้วจะเชื่อถือมาตรฐานคาร์ซีทของทางยุุโรปมากกว่าเพราะมาคิดๆดูสามีก็พูดถูกว่า "คนญี่ปุ่นไม่ค่อยใช้รถยนต์แล้วคาร์ซีทจากญี่ปุ่นจะมีการทดสอบที่เที่ยงและ strict กว่าประเทศตะวันตกที่มีกฎหมายการคุ้มครองความปลอดภัยเด็กขณะอยู่บนรถยนต์ที่แรงกว่าได้ยังไง" เราก็เออจริงของพี่เค้านะ (แต่ก็แอบคิดในใจว่าแล้วพี่ทำไมไม่หาข้อมูลก่อนซื้อตอนแรกอ่ะ จะได้ไม่เสียดายตังค์) หุหุ รู้กันแค่นี้นะคะ
ข้อให้สังเกตุหลักๆ
1. ขอเปิดดูใต้ผ้าหุ้มเลยค่ะ ว่าใช้อะไรเป็นตัวปกป้องชีวิตของลูกเรา ถ้าเป็นฟองน้ำ(ประมาณว่าล้างจานหรือผ้านวม) นี่อย่าซื้อนะคะ ขอเตือนบางทีผู้ผลิตทำให้ภายนอกดูดีไว้ก่อนแต่ข้างในไม่รับผิดชอบก็มีต้องระวังค่ะ
2. คาร์ซีทที่ดีควรออกแบบตามมาตรฐานสากลและสามารถติดตั้งในตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุดในรถยนต์คือที่นั่งตรงกลางเบาะด้านหลังคนขับโดยหันหน้าเด็กไปทางหลังรถยนต์ค่ะ
3. ควรมีมาตรฐานการติดตั้งที่มีระบบแน่นอนไม่ใช้การกะประมาณของผู้ติดตั้งแต่ละคนที่แตกต่างกันค่ะ
4. สามารถหมุนได้รอบ 360 องศา เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงคาร์ซีทของเด็ก
5. การออกแบบที่เหมาะสมกับสรีระของเด็กในแต่ละวัยบางครั้ง คาร์ซีทเดียวใช้ได้ตลอดก็อาจไม่ดีเสมอไป ตามหลักวิทยาศาสตร์อุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนใหญ่หากทำให้ครอบจักรวาลมักไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร หากต้องมีการเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนไปตามสเต็ปการเติบโตของเค้าบ้างเพื่อความปลอดภัยที่ออกแบบให้ปกป้องเด็กตามสรีระของเด็กที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัย
6. คาร์ซีทแบบนอนราบจะไม่ใช่ท่ามาตรฐานที่จะปกป้องเด็กคือจะไม่ปลอดภัยหากโชคร้ายเกิด อุบัติเหตุตอนปรับนอนราบอยู่ เพราะท่านอนราบไม่ใช่ท่าที่ปลอดภัยของคาร์ซีทค่ะ ลิงค์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ http://www.cpsafety.com/
** คุณแม่ท่านใดที่ใช้อยู่ก็พยายามอย่าปรับให้น้องนอนราบเลยนะคะ อุบัติเหตุเิกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ บางทีไม่ใช่จากเราแต่เป็นคนอื่นที่อยู่ในถนนค่ะ
เป็นเหตุให้สามียอมเสียตังค์อีกรอบ (กะของๆลูกอีกเช่นเคยเค้าทุ่มเสมอเพื่อลูกค่ะ จากที่ไปหาข้อมูลอย่างจริงจัง เพราะกะว่าจะต้องถอยรถเข็นใหม่ เป็นที่มาว่าได้มายกเซตค่ะ ปัจจุบันยูกิน้อยได้นั่ง Orbit System ของเมกาซะ)

เราว่าการเลือกซื้อของต่างๆควรคำนึงถึงผู้ใช้ของเป็นหลักนะคะ อย่างของที่เราใช้เราก็เลือกที่เราชอบเราสบาย แต่เด็กเค้าเลือกไม่ได้เราจึงควรให้เกียรติลูก โดยเลือกของที่เหมาะสมกับเค้าโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเค้าเป็นหลักค่ะ บล็อกนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่ต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่าันั้นนะคะ
พบกันใหม่ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น