วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

Cupcake for Yuki


Green Tea Cupcake ; Yummy!!

Heart version for papa's yuki

Birthday Version.. for my yuki



ติดใจเสน่ห์ของ Cupcake เข้าอย่างจัง วันเกิดครบขวบเลยไปหาซื้อมาจัดเบิร์ธเดย์กันอย่างสนุกสนาน
ต่อมามานั่งคิดๆดู ถ้าอยากทานของที่มีวัตถุดิบดีๆ น่าตาน่ารัก น่าทานถูกใจลูกมากขึ้น ก็น่าจะลองทำดู
เลยไปสรรหาสูตรโน้นสูตรนี้มาทำ จนสำเร็จที่สุดก็คราวนี้

หัดทำจนสำเร็จแล้ว วันเกิดน้องยูกิคราวหน้า มาม๊า จะทำเอง ไม่ซื้อเด็ดขาดเลย อิอิ

ใครสนใจมาดูบ่อยๆนะคะ จะทยอยทำจนสูตรนิ่งแล้วจะลงสูตรที่คิดว่าอร่อยถูกปากที่สุดให้ลองทำกันบ้างค่ะ

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

ก่อนซื้อรถเข็นเด็กและคาร์ซีท

ข้อคิดก่อนซื้อรถเข็นและคาร์ซีท (โดยส่วนตัว):

ก่อนคุณจะถูกข้อมูลลัทธิรถเข็นญี่ปุ่นทำให้คุณตัดสินใจซื้อรถเข็นและคาร์ซีทได้ไม่ดีที่สุด

จะเลือกซื้อรถเข็นที่เบาเป็นปัจจัยแรกก่อนความสบายและความมั่นคงในการใช้งานของลูกน้อยจริงหรือ??

คาร์ซีทที่ใช้ได้ตั้งแต่เกิดจนโตหรือคาร์ซีทที่สามารถปรับนอนราบได้ดีแล้วจริงหรือ

ตามความคิดเราพวกเราๆค่อนข้างได้รับข้อมูลจำกัดและคนไทยส่วนใหญ่จะถูกปลูกฝังมาว่ารถเข็นต้องเบาไว้ก่อน ซึ่งเราว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะเมื่อก่อนตัวเลือกของแม่ๆอย่างเรามีไม่มากจะ มีก็แต่แบรนด์ญี่ปุ่นเท่านั้นที่ดูแล้วน่าใช้ แต่หากย้อนคิดสักนิดว่าคนญี่ปุ่นนั้นถ้าเป็นคนทั่วไปของประเทศประมาณ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์จะ 1. บ้านเล็กมากเป็นคอนโดซะส่วนใหญ่พื้นที่มีจำกัด 2. ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวขับ ต้องคนรวยมากเท่านั้นจึงจะมีรถยนต์เพราะมีรถยนต์นั้นมาพร้อมกับพื้นที่ในการ จอดตามที่ต่างๆ บ้านต้องมีบริเวณ (ในหนังญี่ปุ่นจะมีให้ดูเสมอขนาดรวยมากมายบ้านยังเล็กจึ๋งเดียว ) 3. แม่บ้านเดินทางด้วยตัวเองโดยการขนส่งสาธารณะ สามีไม่ค่อยมีบทบาทและส่วนร่วมในการออกไปทำกิจกรรมที่ตามต่างๆทำให้แม่บ้าน ญี่ปุ่นต้องกะเตงลูกพร้อมอุปกรณ์ต่างๆมากมายด้วยตนเอง (แอบน่าสงสารนะคะ) ทำให้ข้อจำกัดเรื่องความเบาเป็นปัจจััยหลักที่ผู้ผลิตจะต้องเอามาเป็นโจทย์ ในการผลิตรถเข็น

2. ควรเลือกรถเข็นที่มีฐานล้อกว้างและมีล้อใหญ่เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของ ลูก ฐานล้อที่กว้างทำให้โอกาสการคว่ำน้อยและสามารถรองรับน้ำหนักตัวของเด็กที่ เพิ่มมากขึ้้นอย่างรวดเร็ว ขึ้นชื่อว่าเด็กพอเริ่มรู้เรื่องก็ไม่อยู่เฉยแน่นอนหากรถเข็นไม่มั่นคงขณะ ที่เด็กมีการเคลื่อนไหวแบบไม่ยั้งคิดอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เมื่อรถเข็น ของคุณมีฐานล้อที่แคบและมีล้อเล็ก (ประสบการณืตรงมีมาแล้วค่ะ)

*** ป่าวแอนตี้พี่ยุ่นของบางอย่างที่เราว่าโอเคเราก็ใช้ของญี่ปุ่นอยู่เช่นแปรง สีฟัน pegion แต่ขวดนมและของให้อาหารน้องไม่ใช้ค่ะ อย่างขนมติงต๋องนี่กินประจำ อิอิ แต่รถเข็นกะคาร์ซีทนี่ขอผ่านคร๊าบ

3. คิดถึง life style ของคุณก่อนว่าเหมาะกับแบบไหนกันแน่ ถ้าต้องเดินทางเองคนเดียวกับกะเตงลูก โดยใช้รถไฟฟ้า หรือไรอย่างเงี๊ยะ ทำให้ข้อจำกัดของคุณแม่จำกัดนิดนึง ก็แนะนำค่ะว่าคงเหมาะกับแบบของพี่ยุ่นที่คล่องตัวและสมบุกสมบันกว่า แต่ถ้าเพื่อนๆที่มีรถยนต์ คนขับรถ (สามีหรือคนขับรถอย่างเดียว) พี่เลี้ยงไปไหนต่อไหนด้วย ก็คำนึงถึงความสบายของลูกเป็นหลักดีกว่าไหมคะ

ส่วนการเลือกคาร์ซีทควรคำนึงเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยและการติดตั้งที่มั่นคงเป็นหลัก

ส่วนตัวแล้วจะเชื่อถือมาตรฐานคาร์ซีทของทางยุุโรปมากกว่าเพราะมาคิดๆดูสามีก็พูดถูกว่า "คนญี่ปุ่นไม่ค่อยใช้รถยนต์แล้วคาร์ซีทจากญี่ปุ่นจะมีการทดสอบที่เที่ยงตรงและ strict กว่าประเทศตะวันตกที่มีกฎหมายการคุ้มครองความปลอดภัยเด็กขณะอยู่บนรถยนต์ที่รุนแรงและเข้มงวดกว่าได้ยังไง" เราก็เออจริงของพี่เค้านะ (แต่ก็แอบคิดในใจว่าแล้วพี่ทำไมไม่หาข้อมูลก่อนซื้อตอนแรกอ่ะ จะได้ไม่เสียดายตังค์คือตอนแรกก็ซื้อของญี่ปุ่นมาใช้เหมือนกันค่ะ)
หุหุ รู้กันแค่นี้นะคะ

ข้อให้สังเกตุหลักๆ

1. วัสดุภายในที่ต้องสามารถปกป้องลูกของคุณได้จริง ขอเปิดดูใต้ผ้าหุ้มเลยค่ะ ว่าใช้อะไรเป็นตัวปกป้องชีวิตของลูกเรา ถ้าเป็นฟองน้ำ(ประมาณว่าล้างจานหรือผ้านวม) นี่อย่าซื้อนะคะ ขอเตือนบางทีผู้ผลิตทำให้ภายนอกดูดีไว้ก่อนแต่ข้างในไม่รับผิดชอบก็มีต้อง ระวังค่ะ
2. คาร์ซีทที่ดีควรออกแบบตามมาตรฐานสากลและสามารถติดตั้งในตำแหน่งที่ปลอดภัย ที่สุดในรถยนต์คือที่นั่งตรงกลางเบาะด้านหลังคนขับโดยหันหน้าเด็กไปทางหลัง รถยนต์ค่ะ
3. ควรมีมาตรฐานการติดตั้งที่มีระบบแน่นอนไม่ใช้การกะประมาณของผู้ติดตั้งแต่ละคนที่แตกต่างกันค่ะ
4. สามารถหมุนได้รอบ 360 องศา เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงคาร์ซีทของเด็ก
5. การออกแบบที่เหมาะสมกับสรีระของเด็กในแต่ละวัยบางครั้ง คาร์ซีทเดียวใช้ได้ตลอดก็อาจไม่ดีเสมอไป ตามหลักวิทยาศาสตร์อุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนใหญ่หากทำให้ครอบจักรวาล มักไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร หากต้องมีการเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนไปตามสเต็ปการเติบโตของเค้าบ้างเพื่อความ ปลอดภัยที่ออกแบบให้ปกป้องเด็กตามสรีระของเด็กที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัย
6.
คาร์ซีทแบบนอนราบ ไม่ใช่ท่ามาตรฐานที่จะปกป้องเด็กคือจะไม่ปลอดภัยหากโชคร้ายเกิด อุบัติเหตุตอนปรับนอนราบอยู่ เพราะท่านอนราบไม่ใช่ท่าที่ปลอดภัยของคาร์ซีทค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ฟังก์ที่ควรนำมาตัดสินใจเลือกซื้อค่ะ มาตรฐานการทดสอบแบบรถยนต์ต่างหากที่ควรนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ
ลิงค์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้
http://www.cpsafety.com/articles/RFbasics.aspx

จากที่แปลบทความมาคาร์ซีทที่ดีและได้มาตรฐานสากลต้องถูกออกแบบมาให้ทำมุม 45องศาขณะเด็กนั่งค่ะ

การปรับเอนนอนเพื่อการหลับบนรถคนขายส่วนใหญ่จะอ้างว่าป้องกันโรค SIDS (โรคไหลตายในเด็ก)

นี่เป็นลิงค์โดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ http://www.sids.org/nprevent.htm,
http://en.wikipedia.org/wiki/Sudden_infant_death_syndrome )

จากการอ่านพบว่าโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อราบางชนิดจากสภาพแวดล้อมในบ้านและอื่นๆไม่เกี่ยวกับการจะต้องให้เด็กเอนนอนตลอดเวลาค่ะ ยิ่งอยู่บนรถยนต์ให้เด็กนอนท่าที่ปลอดภัยจากอุบัติเหตุดีกว่าค่ะ

** คุณแม่ท่านใดที่ใช้อยู่ก็พยายามอย่าปรับให้น้องนอนราบเลยนะคะ อุบัติเหตุเิกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ บางทีไม่ใช่จากเราแต่เป็นคนอื่นที่อยู่ในถนนค่ะ

ด้วยรักและปรารถนาดีจากแม่ด้วยกันคนหนึ่งค่ะ

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

การเลือกรถเข็นเด็กและคาร์ซีทควรเลือกอย่างไร

สวัสดีค่ะเพื่อนแม่ๆที่แวะเวียนเข้ามาที่บล็อกของน้องยูกิและมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหลังไมค์กันเสมอ

วันนี้จะมาแชร์ข้อมูลที่เราให้กับเพื่อนๆของเราที่กำลังมีน้องตามมาติดๆหลายๆท่านได้นำไปใช้อาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย (แต่ต้องขออภัยหากงบประมาณของแต่ละท่านแตกต่างกันออกไป)

ท้าว ความกันหน่อยนะจ๊ะว่าเหตุใดเราถึงกล้าออกมาแนะนำหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยว กับ การเลือกซื้อรถเข็น เรื่องมีอยู่ว่าตอนที่เราและสามีจะตัดสินใจเลือกซื้อรถเข็นให้ลูกตอนนั้นเรา แทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย มีก็แต่เพื่อนๆแนะนำและข้อมูลจากลัทธิรถเข็นญี่ปุ่นบนอินเตอเน็ต ก็ซื้อเลยค่ะตามคำแนะนำของเพื่อนได้รถเข็นญี่ปุ่นแบรนด์ดังมาครอบครอง บอกตามตรงว่าตอนแรกทั้ง ภูมิใจแต่ก็อึ้งในเวลาเดียวกันเพราะเสียตังค์ไปหลาย...ห้าหมื่นกว่าบาทคาร์ ซีทและรถเข็น ซื้อรุ่นที่ออกมาใหม่ๆ ทุ่มทุนสร้างสุดๆเพื่อลูก แต่หลังจากได้ใช้เองก็รู้เลยค่ะว่าไม่เหมาะกับเรา มันขัดหูขัดตาในความบอบบาง เลยรู้สึกว่าลูกเราไม่มั่นคงบนรถเข็นที่ทำจากพลาสติก เลยอยากออกมาเป็นคนพูดเรื่องให้ตัดสินใจดีๆก่อนซื้อค่ะว่า lifestlye ของคุณเหมาะไหมและธรรมชาติของคุณชอบของที่มีคุณภาพประมาณไหนหรือมาตรฐานของ คุณคืออะไรค่ะ

ตอนนี้กองอยู่ที่บ้านไม่ได้ใช้เลยอ่ะเพราะตั้งแต่เริ่มใช้น้องบ่ยอมนั่งตั้งแต่ประมาณ 3 เดือนและประกอบกับส่วนตัวหลังจากใช้แล้วไม่ค่อยชอบเลยเพราะมันไม่มั่นคงเวลาเข็นค่ะ

เหตุผลที่ไม่ชอบ :

1. อย่างรถเข็นโอเคว่าคนขายพยายามเน้นว่ามันเบาแสนเบาไอ้เราก็บ้าจี้เออเนอะมันเบาดีแต่ลืมนึกไปว่าความเบามันมาพร้อมกับวัสดุที่เป็นแค่พลาสติกทำให้มันค่อนข้างไม่แข็งแรงคือแบบไม่ค่อยเฟิร์มเวลาเข็นอย่างเวลาเจอที่ขรุขระในหมู่บ้านนี่สั่นๆๆๆๆๆแบบ shakeเลยค่า เคยมีทีนึงน้องเพิ่งดื่มนมเสร็จก็เลยแหวะออกมา ก็เลยรู้สึกตะหงิดใจว่าทำไมจ่ายตังค์ตั้งเป็นหลักสองหมื่นกว่ามันได้อะไรก๋องแก๋งจัง (ตอนลองเข็นที่ร้านก็ไหลปรื๊ด คล่องปร๊าดดีแต่พอมีน้ำหนักน้องลงไปบนรถนี่เข็นแล้วจะดังเอี๊ยดๆหน่อย คนละเรื่องกะตอนลองเข็นที่ร้านเลยอ่ะ) แต่ก็ใช้ไปก่อนเพราะจ่ายเงินไปแล้วนี่เนอะ (เฮ้อ)

2. เหตุการณ์นี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ซื้อคันใหม่เพราะว่าวันนึงเข็นน้องเดินสวนหลวงสููดอากาศตอนเ้ช้าตามปกติ เคราะห์ร้ายเข็นหลบลูกระนาบไม่พ้นดี รถเข็นก็เลยตะแคงจนเกือบควำ่ ดีนะที่สามีโดดไปรองรับไว้ทัน ไม่งั้นลูกสาวแม่ล้มเจ็บตัวแน่ๆเลย ...

3. คิดว่าใช้ได้แป็ปเดียวแน่นอนเห็นบอกว่าใช้ได้จนโตแต่ขนาดตอนนี้ยังเอี๊ยดๆ ถ้าน้องตัวใหญ่ขึ้นนี่ไม่ต้องห่วงค่ะเพื่อนๆการันตีมาหมดแล้วว่าไม่ไหวค่ะทั้งเอี๊ยดอ๊าดและคับแคบค่า เพื่อนๆบางคนที่ใช้รถเข็นญี่ปุ่นก็บ่นกันและซื้อรถเข็นใหม่เป็นของยุโรปทั้งนั้นเลยค่ะ สรุปแล้วใช้ไม่ถึงโตหรอกค่ะ

4. อย่างคาร์ซีทนี่น้องนั่งแล้วร้อนเพราะนวมบุมันเยอะจัด เพราะบอกว่าออกแบบมาให้ใช้ถึงโต เลยทำมาซะใหญ่ยักแล้วก็บุนวมหนาเพื่อบล็อกตัวน้องตอนเล็กๆไว้ เค้าขี้ร้อนมากค่ะ องศาการนั่งไม่ค่อยสบายเลยไม่ค่อยชอบเวลาจะจับนั่งไปนอกบ้านนี่ปล้ำกันนานเลยแต่ดีตรงที่นอนราบได้เผื่อน้องหลับบนรถและคนขายอ้างว่าป้องกันโรค SIDS (โรคไหลตายในเด็ก) เราก็ตกใจเลยยิ่งประทับใจกับฟังก์ชั่นการปรับนอนราบได้ (แต่มารู้ทีหลังว่าเมื่อคาร์ซีทนอนราบจะไม่ใช่ท่ามาตรฐานที่จะปกป้องเด็กคือจะไม่ปลอดภัยหากโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุตอนปรับนอนราบอยู่ เพราะท่านอนราบไม่ใช่ท่าที่ปลอดภัยของคาร์ซีทค่ะ ลิงค์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ http://www.cpsafety.com/articles/RFbasics.aspx
จากที่แปลบทความมาคาร์ซีทต้องถูกออกแบบมาให้ทำมุม 45องศาขณะเด็กนั่งค่ะ
ส่วนเรื่องโรค SIDS นี่หาข้อมูลแล้วมันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงเลยค่ะ

นี่เป็นลิงค์โดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ http://www.sids.org/nprevent.htm,
http://en.wikipedia.org/wiki/Sudden_infant_death_syndrome )

**โดยส่วนตัวเราไม่มีคอมเม้นท์แต่สามีจะมีเพราะบ่นอุบตลอดเวลาที่จะส่งรถไปล้างทุกอาทิตย์เนื่องจากสามีไม่อยากให้พนักงานมาโดนเบาะที่น้องต้องนั่ง เลยต้องถอดออกทุกครั้งก่อนส่งล้าง แล้วก็อีกทีคือตอนเปลี่ยนรถยนต์ใช้ เพราะที่บ้านถ้าไปกันหลายคนจะใช้รถครอบครัวที่เป็นคันใหญ่แต่ถ้าจะไปเปรี้ยวกัน 3 คน พ่อแม่ลูกก็จะใช้รถเก๋งเพราะหาที่จอดง่ายดีและคล่องตัวกว่า พอคาร์ซีทที่มีอยู่ใหญ่เป็นก้อนซะขนาดนี้กว่าสามีจะถอดทีใส่ที ก็หอบกันเลยทีเดียว

ข้อคิดก่อนซื้อรถเข็นและคาร์ซีท (โดยส่วนตัว):

จะเลือกซื้อรถเข็นที่เบาเป็นปัจจัยแรกก่อนความสบายและความมั่นคงในการใช้งานของลูกน้อยจริงหรือ??

ตามความคิดเราพวกเราๆค่อนข้างได้รับข้อมูลจำกัดและคนไทยส่วนใหญ่จะถูกปลูกฝังมาว่ารถเข็นต้องเบาไว้ก่อน ซึ่งเราว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะเมื่อก่อนตัวเลือกของแม่ๆอย่างเรามีไม่มากจะมีก็แต่แบรนด์ญี่ปุ่นเท่านั้นที่ดูแล้วน่าใช้ แต่หากย้อนคิดสักนิดว่าคนญี่ปุ่นนั้นถ้าเป็นคนทั่วไปของประเทศประมาณ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์จะ 1. บ้านเล็กมากเป็นคอนโดซะส่วนใหญ่พื้นที่มีจำกัด 2. ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวขับ ต้องคนรวยมากเท่านั้นจึงจะมีรถยนต์เพราะมีรถยนต์นั้นมาพร้อมกับพื้นที่ในการจอดตามที่ต่างๆ บ้านต้องมีบริเวณ (ในหนังญี่ปุ่นจะมีให้ดูเสมอขนาดรวยมากมายบ้านยังเล็กจึ๋งเดียว ) 3. แม่บ้านเดินทางด้วยตัวเองโดยการขนส่งสาธารณะ สามีไม่ค่อยมีบทบาทและส่วนร่วมในการออกไปทำกิจกรรมที่ตามต่างๆทำให้แม่บ้านญี่ปุ่นต้องกะเตงลูกพร้อมอุปกรณ์ต่างๆมากมายด้วยตนเอง (แอบน่าสงสารนะคะ) ทำให้ข้อจำกัดเรื่องความเบาเป็นปัจจััยหลักที่ผู้ผลิตจะต้องเอามาเป็นโจทย์ในการผลิตรถเข็น

2. ควรเลือกรถเข็นที่มีฐานล้อกว้างและมีล้อใหญ่เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของลูก ฐานล้อที่กว้างทำให้โอกาสการคว่ำน้อยและสามารถรองรับน้ำหนักตัวของเด็กที่เพิ่มมากขึ้้นอย่างรวดเร็ว ขึ้นชื่อว่าเด็กพอเริ่มรู้เรื่องก็ไม่อยู่เฉยแน่นอนหากรถเข็นไม่มั่นคงขณะที่เด็กมีการเคลื่อนไหวแบบไม่ยั้งคิดอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เมื่อรถเข็นของคุณมีฐานล้อที่แคบและมีล้อเล็ก (ประสบการณืตรงมีมาแล้วค่ะ)

*** ป่าวแอนตี้พี่ยุ่นของบางอย่างที่เราว่าโอเคเราก็ใช้ของญี่ปุ่นอยู่เช่นแปรงสีฟัน pegion แต่ขวดนมและของให้อาหารน้องไม่ใช้ค่ะ อย่างขนมติงต๋องนี่กินประจำ อิอิ แต่รถเข็นกะคาร์ซีทนี่ขอผ่านคร๊าบ

3. คิดถึง life style ของคุณก่อนว่าเหมาะกับแบบไหนกันแน่ ถ้าต้องเดินทางเองคนเดียวกับกะเตงลูก โดยใช้รถไฟฟ้า หรือไรอย่างเงี๊ยะ ทำให้ข้อจำกัดของคุณแม่จำกัดนิดนึง ก็แนะนำค่ะว่าคงเหมาะกับแบบของพี่ยุ่นที่คล่องตัวและสมบุกสมบันกว่า แต่ถ้าเพื่อนๆที่มีรถยนต์ คนขับรถ (สามีหรือคนขับรถอย่างเดียว) พี่เลี้ยงไปไหนต่อไหนด้วย ก็คำนึงถึงความสบายของลูกเป็นหลักดีกว่าไหมคะ

การเลือกคาร์ซีทควรคำนึงเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยและการติดตั้งที่มั่นคงเป็นหลัก

ส่วนตัวแล้วจะเชื่อถือมาตรฐานคาร์ซีทของทางยุุโรปมากกว่าเพราะมาคิดๆดูสามีก็พูดถูกว่า "คนญี่ปุ่นไม่ค่อยใช้รถยนต์แล้วคาร์ซีทจากญี่ปุ่นจะมีการทดสอบที่เที่ยงและ strict กว่าประเทศตะวันตกที่มีกฎหมายการคุ้มครองความปลอดภัยเด็กขณะอยู่บนรถยนต์ที่แรงกว่าได้ยังไง" เราก็เออจริงของพี่เค้านะ (แต่ก็แอบคิดในใจว่าแล้วพี่ทำไมไม่หาข้อมูลก่อนซื้อตอนแรกอ่ะ จะได้ไม่เสียดายตังค์)
หุหุ รู้กันแค่นี้นะคะ

ข้อให้สังเกตุหลักๆ

1. ขอเปิดดูใต้ผ้าหุ้มเลยค่ะ ว่าใช้อะไรเป็นตัวปกป้องชีวิตของลูกเรา ถ้าเป็นฟองน้ำ(ประมาณว่าล้างจานหรือผ้านวม) นี่อย่าซื้อนะคะ ขอเตือนบางทีผู้ผลิตทำให้ภายนอกดูดีไว้ก่อนแต่ข้างในไม่รับผิดชอบก็มีต้องระวังค่ะ
2. คาร์ซีทที่ดีควรออกแบบตามมาตรฐานสากลและสามารถติดตั้งในตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุดในรถยนต์คือที่นั่งตรงกลางเบาะด้านหลังคนขับโดยหันหน้าเด็กไปทางหลังรถยนต์ค่ะ
3. ควรมีมาตรฐานการติดตั้งที่มีระบบแน่นอนไม่ใช้การกะประมาณของผู้ติดตั้งแต่ละคนที่แตกต่างกันค่ะ
4. สามารถหมุนได้รอบ 360 องศา เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงคาร์ซีทของเด็ก
5. การออกแบบที่เหมาะสมกับสรีระของเด็กในแต่ละวัยบางครั้ง คาร์ซีทเดียวใช้ได้ตลอดก็อาจไม่ดีเสมอไป ตามหลักวิทยาศาสตร์อุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนใหญ่หากทำให้ครอบจักรวาลมักไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร หากต้องมีการเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนไปตามสเต็ปการเติบโตของเค้าบ้างเพื่อความปลอดภัยที่ออกแบบให้ปกป้องเด็กตามสรีระของเด็กที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัย
6.
คาร์ซีทแบบนอนราบจะไม่ใช่ท่ามาตรฐานที่จะปกป้องเด็กคือจะไม่ปลอดภัยหากโชคร้ายเกิด อุบัติเหตุตอนปรับนอนราบอยู่ เพราะท่านอนราบไม่ใช่ท่าที่ปลอดภัยของคาร์ซีทค่ะ ลิงค์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ http://www.cpsafety.com/articles/RFbasics.aspx

** คุณแม่ท่านใดที่ใช้อยู่ก็พยายามอย่าปรับให้น้องนอนราบเลยนะคะ อุบัติเหตุเิกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ บางทีไม่ใช่จากเราแต่เป็นคนอื่นที่อยู่ในถนนค่ะ

เป็นเหตุให้สามียอมเสียตังค์อีกรอบ (กะของๆลูกอีกเช่นเคยเค้าทุ่มเสมอเพื่อลูกค่ะ จากที่ไปหาข้อมูลอย่างจริงจัง เพราะกะว่าจะต้องถอยรถเข็นใหม่ เป็นที่มาว่าได้มายกเซตค่ะ ปัจจุบันยูกิน้อยได้นั่ง Orbit System ของเมกาซะ)

ตอนที่ถ่ายนี้หนู 5 เดือนค่า

เราว่าการเลือกซื้อของต่างๆควรคำนึงถึงผู้ใช้ของเป็นหลักนะคะ อย่างของที่เราใช้เราก็เลือกที่เราชอบเราสบาย แต่เด็กเค้าเลือกไม่ได้เราจึงควรให้เกียรติลูก โดยเลือกของที่เหมาะสมกับเค้าโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเค้าเป็นหลักค่ะ บล็อกนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่ต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่าันั้นนะคะ

พบกันใหม่ค่ะ






วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

Yuki with ORBIT BABY collection

เที่ยวห้างไปหลับไปค่า......
ยูกิน้อยนอนหลับสบายอยู่ในรถเข็น Orbit

How to get your stomach flat



How The Belly Wrap Will Get Your Stomach Flat


Belly wraps have been used for centuries for different medicinal purposes. Japanese medicine insists on the importance of posture, support and warmth on the abdominal area, and they achieve this with their Haramaki (belly wrap). Belly binding in Japan is something as common and natural as eating rice everyday.

Latin America calls it Faja and Latin women have also used this binding method for centuries, searching to provide heat and energy. India and parts of Europe believe wholeheartedly on its benefits.

By compression, these wraps are designed to help get the loose skin attached to the muscle, avoiding things like water to accumulate in that specific area(water retention). It is as simple as that!!! Now a days, banding is used after liposuction, as the grease that is in between the skin and the muscle is sucked out and the skin needs pressure to reattach to the muscle. SIMPLE and IT WORKS.!!

Just be aware that the belly wrap will take care of loose skin and support the stomach muscles on getting back to work, but if you want your firm six pack back, you have to work them out (as soon as you can).

The Belly Wraps can be worn within 24 hours of giving birth and for a period of 4 to 8 weeks.

What Should Go Along With The Belly Wrap To Get Your Flat Belly Quicker

Remember that all skins are different and some may stretch easily and go back to their original state just as easily, but others take longer and need a little help.

The belly wrap helps with attaching the skin back to the muscle, it does not tone or give you a six pack. That, you have to work for separately. There are a few things that you should do to get your flat stomach back and your shape back, to kick the baby-blues off, and get back to your pre-pregnancy activities quicker. These are a few:

  1. Oil: this is another Colombian secret that we fondly stick to. Mix some oil with your body moisturizer. I use almond oil, but any body oil is fine, some people even use olive oil. Make sure you use it after every shower ALL OVER your body (this should be done throughout the pregnancy as well). I mix 1/2 cup of oil with a big 725ml bottle of body moisturizer.
  2. Liquids: drink plenty of water, decaf teas, real squeezed juices.
  3. Activity: start up some kind of activity as soon as you can. It does not have to be a 2 hour extenuous workout. Begin with a walk around the block, make it two walks later on or a longer one. When you feel up to it wear ankle weights.
  4. Nutrition: eat healthy and nutritious meals. Stay away from fatty foods, sugar, refined carbs, sodas...
  5. Patience: patience is a virtue. Take it easy, it took 9 months for the body to get where it is, so don't rush. You will see changes and results little by little.

ประโยชน์ของผ้าคาดหน้าท้องหลังคลอด



จากการที่ศึกษาข้อมูลมาจากหลายสำนักก็สรุปข้อมูลมาได้ดังนี้ค่ะ
คุณแม่เชื่อหรือไม่ว่าในผ้าคาดหน้าท้องเป็นภูมิปัญญาที่มีมาแต่อดีตในแทบทุกทวีป!!

“ผ้า คาดหน้าท้องในสมัยก่อนเป็นการตัดเย็บด้วยมือ โดยช่างเย็บชุดชั้นในผู้มีฝีมือประณีตเพื่อให้สามารถใส่หลังคลอด เพื่อกระชับให้มดลูกและหน้าท้องกลับสู่สภาพเดิมด้วยวิธีทางธรรมชาติที่สุด ร่างกายคนเราสามารถปรับให้ขยายใหญ่เป็นที่อยู่ของทารกได้ ก็สามารถย่อกลับสู่ปกติได้เช่นกัน แต่ถ้าไม่มีตัวช่วยอย่างเข็มขัดหรือผ้าคาดหน้าืท้องคาดไว้ มันก็จะไม่สามารถคืนได้ดังเดิม 100% ค่ะ ต่อให้เข้าคอร์สแพงๆก็ไม่สามารถคืนรูปร่างของหน้าท้องน้อยก่อนมดลูกขยายได้ อย่างแน่นอน”

วิธีเลือกซื้อและลักษณะที่ดีของผ้าคาดหน้าท้องหลังคลอด
1. เนื้อผ้าเนียนนุ่มไม่ระคายผิว
2. สามารถโอบกระชับหน้าท้อง และคงรูปทรงขณะนั่ง,นอนหรือเปลี่ยนอริยาบท หรือแม้แต่เวลาเราให้นมน้อง
3. เมื่อซักแล้วไม่ม้วนหรือย้วยเสียรูปทรง (คอนเฟิร์มว่าสำคัญเพราะถ้าไม่อยากเสียเงินฟรีหรือใช้ไม่ได้ผลควรเลือกที่ เป็นโครงหรือทรงชัดเจน อย่าไปซื้อพวกยางยืดแผ่นมาใส่เลยค่ะ 1. คัน 2. ใช้แล้วซักไม่กี่ครั้งก็ย้วยแล้ว)
4. เมื่อสวมใส่ไม่อับชื้น (สำคัญมากเหมือนกัน ส่วนตัวแล้วผ่าคลอดจึงซื้อ Belly Bandit รุ่น Bamboo รู้จักเพราะเพื่อนต่างชาติแนะนำค่ะ ใส่สบายไม่ระคายเคืองแผลเพราะผ้านุ่มมากมาก ขนาดเราขี้รำคาญนะคะยังใส่ได้ตลอดเลยค่ะแต่สำหรับเรามีสำรองไว้ 2 เส้นเผื่อสลับซักค่ะ )
5. สามารถใช้งานได้นาน (กะว่าจะมีน้องอีกเลยจะเก็บไว้ใช้ค่ะ)
6. อย่าใช้พวกชุดขับน้ำหรือสารเคมีลดน้ำหนักเพราะจะทำให้น้ำนมลด ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเองได้ค่ะ

ตัวอย่างบริเวณที่จะหย่อนหากไม่ได้คาดผ้าคาดหน้าท้องหลังคลอดค่ะ แถวๆบริเวณบิกีนี่อะค่ะ

ใช้ผ้าคาดหน้าท้องหลังคลอด VS ไม่ได้ใช้ผ้าคาดหน้าท้องหลังคลอด

ประโยชน์ของผ้าคาดหน้าท้องหลังคลอด
* กระชับหน้าท้องส่วนที่เพิ่งยืดขยายให้คืนรูปตามธรรมชาติ * ผ้ายืดรัดกระชับช่วยพยุงหน้าท้องและมดลูกหลังคลอด*ช่วยระบบไหลเวียนโลหิตใน ช่องท้อง *ลดอาการบวมของมดลูกและช่วยให้เข้าอู่เร็วขึ้น * ช่วยซัพพอร์ตแผ่นหลังบรรเทาอาการปวดหลัง * เสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดีหลังจากมีบุตร

ทั้งนี้ควรดูแลเรื่องอาหารและการออกกำลังกายเบาๆทำงานบ้านเล็กน้อยๆไปด้วยหลังจากคลอดน้องจะช่วยได้เยอะค่ะ

Review Belly Bandit

แรก เริ่มเดิมทีใช้ของที่ได้มาจากโรงพยาบาลค่ะ ใช้ได้ 1 อาทิตย์ก็เลิกเพราะหลังจากซักบ่อยเข้า เวลาใส่มันจะม้วนตะปบขึ้นมา รำคาญมากๆ ส่วนตัวเสียดายสุดๆตรงที่รู้จักผ้าคาดหน้าท้อง Belly Bandit ช้าไป ซื้อมาใช้ตอนคลอดไปแล้ว 6 เดือน(ก็ยังอุตส่าห์ซื้อมาใส่ ยังหวังอยู่อิอิ) ตอนนี้กระชับขึ้นมาบ้าง เราใช้ผ้าควบคู่กับไปเข้าคอร์สเลยทีเดียวเพราะลงที่แขนและต้นขาเยอะมาก ปกติแขนก็ใหญ่อยู่แล้ว เลยต้องพึ่งคอร์ส ส่วนผ้าคาดคิดว่าถ้าได้ใส่หลังคลอดเลยก็น่าจะดีกว่านี้ ก็ไม่เป็นไรดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ใส่แล้วก็ช่วยเราหายเมื่อยหลังได้เยอะเพราะตอนอุ้มน้องจะเผลองอหลังอยู่ตลอด จนต้องไปพบคุณหมอเพราะปวดหลัง ตอนนี้พอใส่แล้วหลังจะตรงตลอดไม่ปวดหลังแล้วค่ะ แต่ราคาจะค่อนข้างสูงนิดนึงนะคะ เพื่อนๆที่ลงทุนไหวก็อยากเชียร์ให้ลงทุนค่ะ รูปร่างเราเราต้องดูแลนะคะไม่งั้นจะเศร้าทีหลัง สำหรับเพื่อนๆที่งบไม่ถึงจะลองไปหาตัวเลือกที่ดีๆมาให้เลือกดูนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือ Pregnancy&Baby ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2553
http://growwithlove.com
http://bellybandit.com
http://hubpages.com/hub/How-To-Get-Your-Flat-Stomach-Back-After-Pregnancy---The-Belly-Wrap-Secret